มาเลเซีย 7 พ.ย.- “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” รอง ผบ.ตร. บินด่วนมาเลเซีย รับผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ ลวงเด็กหญิงไปขายบริการทางเพศ หลังประสานทางการมาเลเซียจับตัวได้ 3 ราย พร้อมช่วยเหยื่อได้เพิ่มอีก 4 ราย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 25 ก.ค.65 มีญาติของ ด.ญ.เอ นามสมมติ ผู้เสียหาย เข้าขอความช่วยเหลือที่ กก.6 บก.ปคม. แจ้งว่าบุตรสาวของตนถูกหลอกลวงไปค้าประเวณีที่มาเลเซีย กก.6 บก.ปคม. จึงประสานกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ เข้าช่วยเหลือเหยื่อจนเดินทางกลับไทยได้อย่างปลอดภัยเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 5 ราย และเข้าช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกลวงไปขายบริการทางเพศได้อีก 4 ราย เป็นหญิงไทย 2 ราย และหญิงชาวอินโดนีเซีย 2 ราย
ล่าสุดวันนี้ (7 พ.ย.65) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะ เดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เพื่อเข้าพบ Tan Sri Acryl Sani Bin Hj Abdullah Sani ผบ.ตร. ,Dato’ Sri Abd Jalil Bin Hassan ผบช.สืบสวนคดีอาชญากรรม ,Dato’ Sri Hazani Bin Ghazali ผบช.ความมั่นคงภายใน ,Dato’ Hj Baharuddin Bin Hj Ahmad ผบช.ตำรวจสันติบาล ,Dato’ Mohd Kamarudin Bin Md Din ผบช.สืบสวนคดีเศรษฐกิจ, Datuk Zaini Bin Jass ผบช.ฝ่ายบริหาร ,Datuk Seri Ayob Khan Bin Mydin Pitchay ผบช.ปราบปราบยาเสพติดเพื่อประสานความร่วมมือ ในคดีอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นการพัฒนาความก้าวหน้าในการทำงานร่วมกัน รวมทั้งการส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายในคดีนี้ กลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายที่ไทย
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ภายหลังจาก บก.ปคม.ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากญาติของเหยื่อ โดยชุดปฏิบัติการสามารถประสานความร่วมมือในการเข้าช่วยเหลือเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว และพากลับมายังประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย และยังสามารถสืบสวน ติดตาม จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงคนไทยไปค้าประเวณีที่มาเลเซียได้ทั้งหมด รวมทั้งยังช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกลวงไปได้อีก 4 ราย ทั้งนี้ จากการที่ทางการไทยและทางการมาเลเซียมีการประสานความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายด้วยดีเสมอมา ทำให้การร่วมมือกันป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก จากการได้พบและพูดคุยกับ ผบ.ตร.มาเลเซีย ก็ยืนยันว่าจะประสานความร่วมมือกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้กันอย่างเข้มแข็งต่อไป เพื่อปิดทางมิให้อาชญากรเหล่านี้มีที่ยืนในทั้งสองประเทศต่อไป.-สำนักข่าวไทย