แร็ปเปอร์ดัง แจงไม่เกี่ยวปมขัดแย้งวิน จยย. แค่ช่วยเจรจา

กรุงเทพฯ 6 ก.ย.- แร็ปเปอร์ชื่อดัง ชี้แจงตัวเองและครอบครัวไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง จนเกิดการใช้อาวุธมีดฟันวินจักรยานยนต์รับจ้าง แต่เป็นคนช่วยเจรจา พร้อมขอหยุดความบาดหมาง


กรณีช่วงเช้าวันนี้ นายหนุ่ย และนายชา 2 ผู้ก่อเหตุรุมทำร้ายพ่อแร็ปเปอร์หนุ่มจนได้รับบาดเจ็บ หลังจากมีข้อพิพาทเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน โดยหนึ่งในกลุ่มแร็ปเปอร์ใช้อาวุธมีดฟันใส่นายหนุ่ย จนได้รับบาดเจ็บ นายหนุ่ยยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคนเข้าไปหาเรื่องพ่อแร็ปเปอร์หนุ่มก่อน แต่ถูกทางฝั่งพ่อแร็ปเปอร์หนุ่มพูดจาถากถางเกี่ยวกับเรื่องคดี ทำให้เกิดความไม่พอใจและเข้าทำร้ายกัน

ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายกฤษณะ หรือไฮฮอต อายุ 22 ปี ลูกชายผู้บาดเจ็บ พร้อมด้วยนายบุญญฤทธิ์ หรือแบงค์ อายุ 22 ปี เปิดใจกับทีมข่าวหลายสำนักว่า ทางฝั่งตัวเองไม่ได้เป็นคนเข้าไปหาเรื่องก่อน โดยบิดา เล่าว่า เมื่อออกมาจากร้านสะดวกซื้อก็ถูกกลุ่มนายหนุ่ยและนายชาตรงเข้ามาทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสาเหตุคาดว่ามาจากการที่นายแบงค์ แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอีกฝ่าย ฐานทำให้เสียทรัพย์ จากกรณีที่มีการรื้อรถของนายแบงค์ที่จอดอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุทะเลาะวิวาทเมื่อช่วงวันที่ 9 มิถุนายน หลังนายหนุ่ยถูกนายเจมส์ หรือจามาร ใช้มีดฟันเข้าที่แขน


นายแบงค์ ระบุว่า ในคดีรื้อทำลายรถยนต์ของตัวเอง ตำรวจมีการออกหมายเรียกบุคคลจำนวน 5 คน แต่ไม่ทราบว่ามีการเรียกใครไปบ้าง แต่พอวันรุ่งขึ้นหลังจากที่คนของฝ่ายนายหนุ่ย ได้รับหมายเรียก พ่อของไฮฮอต ก็ถูกรุมทำร้าย จึงคาดว่ามาจากความไม่พอใจที่มีการถูกดำเนินคดีตามหลัง

ด้านไฮฮอต ยอมรับว่าส่วนตัวกับนายหนุ่ยก็รู้จักเห็นหน้า และยังเคยใช้บริการอยู่หลายครั้ง และนายหนุ่ยก็เคยช่วยเหลือตนเองเมื่อครั้งที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่เคยมีปัญหากับนายหนุ่ยหรือพี่ๆ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพราะบ้านพักอยู่ใกล้กับวิน ก็เห็นหน้าค่าตากันมาโดยตลอด ไม่เคยมีปัญหากัน เพียงแต่ในวันเกิดเหตุเมื่อ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนเองลงไปเป็นคนกลางกรณีที่แบงค์มีปัญหากับป้าแม่ค้าร้านหมูปิ้ง เรื่องจอดรถขายหมูปิ้งบังบริเวณหน้าบ้านของแบงค์ ซึ่งมีการขอให้ป้าหมูปิ้งขยับเลื่อนเพื่อให้สามารถจอดรถได้ แต่มีปากเสียงขึ้น ตนเองจึงเข้าไปเป็นคนกลาง ก่อนที่พ่อจะตามลงไปเป็นคนกลางด้วย

นายแบงค์ ยอมขอโทษป้าขายหมูปิ้งถึง 3 ครั้ง เพื่อให้เรื่องยุติ แต่อยู่ดีๆ นายหนุ่ย ก็เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งในตอนแรกตนยังไม่แน่ใจว่าเข้ามาได้อย่างไร เพราะช่วงแรกที่มีปัญหากันตนเองถูกพ่อสั่งให้เข้าบ้าน และสังเกตการณ์จากภายในบ้าน พร้อมกับพี่เจมส์ที่อยู่ในบ้าน ก็ลงไปอยู่ที่ประตูและมองผ่านช่องประตูออกไป จนแบงค์เริ่มถูกอีกฝ่ายรุมทำร้าย เจมส์ก็คว้ามีดดาบที่เป็นของตั้งโชว์เพื่อใช้ในการประกอบการถ่ายเอ็มวีของทีมออกไปทำร้ายนายหนุ่ย ซึ่งตนเองและแบงค์ รวมถึงคนในบ้าน พยายามห้ามปราม แต่ห้ามไม่อยู่ จนทำให้เรื่องบานปลายเกิดขึ้น ซึ่งมีดที่นำออกจากบ้านไปนำไปเพียงเล่มเดียวส่วนที่ตำรวจเข้ามารับตัวเจมส์กับแบงค์ก็นำมีดที่โชว์อยู่บนชั้นไปอีกเล่ม รวมเป็น 2 เล่ม ไม่ใช่ 4 เล่ม ตามที่มีการกล่าวอ้าง


ระหว่างเกิดเหตุฝ่ายตัวเองติดต่อตำรวจ เพื่อให้เข้ามาแก้ไขสถานการณ์ที่บ้านถูกปิดล้อมโดยกลุ่มของนายหนุ่ย จนเมื่อตำรวจมาก็มีการเรียกหานายเจมส์และแบงค์ออกไป เพราะคาดว่าจะได้รับการบอกเล่าจากทางฝั่งนายหนุ่ย ว่าเป็นคนที่ช่วยกันฟันนายหนุ่ย ซึ่งขณะที่ตำรวจพาตัวทั้งสองออกจากบ้านไปขึ้นรถ เพื่อจะส่งตัวไปที่สถานีตำรวจทั้งเจมส์และแบงค์ก็ถูกรุมประชาทัณฑ์ ก่อนจะขึ้นรถออกจากจุดเกิดเหตุไป ซึ่งขณะที่คนก่อเหตุออกจากจุดเกิดเหตุไปแล้ว บ้านพักของตนเองก็ยังคงถูกล้อมไว้ ทำให้ต้องพยายามขอความช่วยเหลือจากตำรวจในหลายหลายพื้นที่ จนออกจากบ้านพักเพื่อไปหาเจมส์กับแบงค์ที่ สน.บางเสาธง ก่อนจะทราบจากเพื่อนที่เปิดร้านสักอยู่บริเวณชั้นหนึ่งของบ้านว่ารถของแบงค์ถูกทำลาย ซึ่งตนเองบอกกับตำรวจตั้งแต่วันแรก แต่ตำรวจกลับบอกให้ตนเองและพวกย้ายออกจากบริเวณดังกล่าว เพื่อเป็นการยุติความบาดหมางกัน

ไฮฮอต ยังระบุว่า หลังจากเกิดเรื่องตนเองและเพื่อนต้องย้ายออกจากบ้านพักมาอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย โดยเคยกลับไปขนของออกจากบ้านครั้งหนึ่งก็พบกับกลุ่มวินรถจักรยานยนต์ ซึ่งไม่ได้มีการพูดคุยกัน แม้จะยกมือไหว้ตามปกติเหมือนที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ แต่กลุ่มวินรถจักรยานยนต์กลับพากันหลบหนีแยกย้าย พร้อมทั้งยังมีคนบางส่วนมาถ่ายภาพรถยนต์ที่ตนเองนำมาขนของออกจากบ้าน จึงรู้สึกไม่ปลอดภัย และรีบขนของย้ายออกจากบ้านเกิดเหตุดังกล่าวมา ส่วนตัวอยากให้เรื่องดังกล่าวยุติลง เพราะได้รับผลกระทบเกี่ยวกับงานเพลงที่ทำอยู่ ทั้งเรื่องคิวทัวร์คอนเสิร์ตก็หายไป หลังเกิดเรื่อง ทั้งทั้งที่ตนเองไม่ได้เป็นคนลงมือฟันนายหนุ่ย และไม่ได้เป็นคู่พิพาทตั้งแต่แรก รวมถึงในโซเชียลมีเดีย ก็ยืนยันว่าไม่เคยโพสต์ถากถางคู่กรณีมาก่อน อยากให้เรื่องทั้งหมดหยุดลงโดยใครที่ทำอะไรไว้ก็ให้รับผิดชอบ ทั้งนายเจมส์ ผู้ที่ฟันนายหนุ่ย ก็ควรรับผิดชอบ ฝ่ายนายหนุ่ยที่ทำร้ายร่างกายพ่อก็ต้องรับผิดชอบไปตามกระบวนการ แล้วยุติความบาดหมางกันได้แล้ว

พร้อมกันนี้ไฮฮอต บอกอีกว่าในส่วนของเจมส์หรือจามาร ปัจจุบันแยกออกจากกลุ่มของตนเองไปตั้งแต่เกิดเรื่อง ด้วยความที่เป็นคนใจร้อนและเป็นคนที่ก่อเรื่อง จนทำให้เรื่องลุกลามบานปลายใหญ่โต ทำให้ทีมได้รับผลกระทบ จึงอยากให้สังคมเข้าใจว่ากลุ่มของตนเองไม่ได้เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับตัวผู้ก่อเหตุ คือนายเจมส์ หรือจามาร อีกต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยฝนฟ้าคะนอง ตกหนักบางแห่ง

กทม. 13 ก.ย.-กรมอุตุฯ รายงานไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตะวันออก และใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน […]

“พล.ท.บุญสิน” ยันยังไม่ดำเนินการโครงการอบรมโดรนเกษตร

กทม. 12 ก.ย.- “พล.ท.บุญสิน” แจงบริษัทเอกชนมามอบของ-ถ่ายรูป พร้อมเสนอโครงการอบรมโดรนเกษตร ยืนยันยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่มีบริษัทเอกชนเข้ามาถ่ายรูปร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 2 โดยมีการนำโครงการ “อบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้กับทหารเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะ เพื่อใช้ในการเกษตร” วานนี้ (11 ก.ย.) ว่า บริษัทดังกล่าวได้เข้ามาพบเหมือนกับพี่น้องประชาชนและบริษัทต่างๆ ที่เข้ามาพบมอบของ เพียงแต่ว่าทางบริษัทนี้เข้ามานำเสนอโครงการโดรน ตนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก เพียงแต่รับฟังไว้ ประมาณ 10 นาที ทางคณะดังกล่าวก็ขอถ่ายภาพ ก่อนเดินทางกลับ “ผมยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการทำอะไรเลย ยังไม่ผ่านการตรวจสอบให้รอบคอบ ยืนยันอีกครั้งยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งนั้น” พล.ท.บุญสิน กล่าว.-313.-สำนักข่าวไทย

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย