กรุงเทพฯ 6 ก.ย. – หนุ่มตีนแมวย่องเบาปีนโรงแรมย่านสุขุมวิท พลาดเดินเตะลวดไฟฟ้าป้องกันการโจรกรรม ถูกไฟดูดเสียชีวิตคาซอกตึก
ร่างไร้วิญญาณของชายวัย 34 ปี ติดอยู่ระหว่างซอกตึกและท่อระบายควัน บริเวณชั้น 2 ของโรงแรมแห่งหนึ่ง ภายในซอยสุขุมวิท 5 ซึ่งทางตำรวจ สน.ลุมพินี ได้รับแจ้งเหตุเมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) พบบริเวณข้อเท้าขวาของชายคนดังกล่าวมีรอยไหม้ และมีลวดไฟฟ้าป้องกันการโจรกรรมพาดติดอยู่
สอบถามทางโรงแรม บอกว่า ผู้เสียชีวิตไม่ใช่แขก หรือนักท่องเที่ยวที่มาเข้าพัก โดยปกติทางโรงแรมจะเปิดลวดไฟฟ้า เพื่อป้องกันการโจรกรรม ช่วงประมาณ 22.00-05.00 น. เนื่องจากเมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้ว เคยมีแขกที่เข้าพักแจ้งว่าทรัพย์สินสูญหาย มีการไล่จับคนร้าย ซึ่งปีนหลบหนีออกไปได้
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายคงแอบปีนเข้ามา เพื่อลักทรัพย์นักท่องเที่ยว แต่พลาดเดินเตะลวดไฟฟ้าป้องกันการโจรกรรม จนถูกกระแสไฟฟ้าดูดเสียชีวิต
กรณีแบบนี้ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เคยออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ตอนที่เด็กชายวัย 13 ปี เสียชีวิตในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี หลังเจ้าของสวนล้อมรั้วไฟฟ้า 220 โวลต์ ทำให้เด็กถูกไฟดูดตาย แม้เจ้าของสวนอ้างว่าเพื่อป้องกันทรัพย์สิน โดยระบุว่า กระแสไฟฟ้า 220 โวลต์ ในทางกฎหมาย เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ ถือว่าเจตนาให้ตาย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องพิจารณาว่า มีการแจ้งเตือนหรือไม่ และจะอ้างว่าป้องกันคนร้ายอย่างเดียวไม่ได้
ขณะเดียวกัน ถ้าเปิด “ฎีกา” พิพากษาคดีล้อมรั้วปล่อยไฟฟ้า ซึ่งย้อนดูคดีเก่า ลักษณะคล้ายกันเทียบเคียง คำพิพากษาศาลฎีกา คดีนี้อธิบายว่า เจ้าของสวนมีโรงเก็บของ มีรั้วต้นพู่ระหง เป็นแนวเขต และข้างในมีทรัพย์สิน เช่น เครื่องสูบน้ำ ซึ่งเคยถูกขโมยไป จึงขึงลวดปล่อยไฟฟ้า ทำให้คนที่เข้ามาขโมยของตอนกลางคืนถูกไฟดูดเสียชีวิต ดังนั้น การกระทำของจำเลย จึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด
แต่ก็มีคำพิพากษาของศาลฎีกาหลายฉบับที่วินิจฉัยว่า การปล่อยกระแสไฟฟ้าไปตามรั้ว เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ไม่สามารถอ้างเหตุป้องกันได้ ถือเป็นความผิดข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-20 ปี. – สำนักข่าวไทย