กรุงเทพฯ 2 ก.ย. – ตำรวจ PCT ประสานกัมพูชา ล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพิ่ม 59 ราย ส่งกลับไทยดำเนินคดี มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT ร่วมแถลงจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาเพิ่มอีก 59 ราย เตรียมส่งไทยดำเนินคดี
จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจ PCT เปิดปฏิบัติการร่วมกับตำรวจกัมพูชา ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งฐานปฏิบัติการกลางเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา จับกุมผู้ต้องหา 94 ราย และนำตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยแล้วนั้น ล่าสุดชุดสืบสวนขยายผลถอนรากถอนโคนขบวนการนี้จนได้พยานหลักฐานนำไปขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มได้อีก 59 ราย โดยเข้าตรวจค้นพร้อมกัน 2 จุด ในเมืองพระสีหนุ และเมืองกันดาล ประเทศกัมพูชา ดังนี้
จุดที่ 1 อาคารในเมืองพระสีหนุ ซึ่งเครือข่ายกลุ่มนี้มีแผนประทุษกรรมหลอกลวงคนไทยฝั่งประเทศไทยให้ทำการลงทุนตามภารกิจในเครือข่ายของแอปพลิเคชัน tiktok มีประชาชนได้รับความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ที่เกิดเหตุพบคนไทย 19 ราย เป็นบุคคลตามหมายจับ 15 ราย และไม่มีหมายจับอีก 4 ราย ซึ่งทั้งหมดทำงานเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลงทุนโดยใช้แอปพลิเคชันชื่อว่า tt (tiktok ปลอม) โดยให้ทำภารกิจตามที่พนักงานคอลเซ็นเตอร์ (admin) แนะนำ (เป็นภารกิจการกดหัวใจ ในแอปฯ ที่คนร้ายส่งมา, และภารกิจทายผลลูกเต๋าในแอปฯ ปลอม) โดยอ้างว่าจะได้ค่าตอบแทน ซึ่งครั้งแรกๆ จะได้รับผลตอบแทนจริง แต่เมื่อลงทุนเยอะขึ้นปรากฏว่าไม่สามารถถอนเงินออกได้ โดยคนร้ายอ้างว่าต้องฝากเงินเพิ่มจึงจะถอนเงินได้ แต่เมื่อเหยื่อฝากเงินไปแล้วก็ไม่สามารถถอนเงินได้จริง
จุดที่ 2 อาคารในเมืองกันดาล ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของกลุ่มคนจีนร่วมกับคนไทย จัดตั้งศูนย์คอลเซ็นเตอร์ ในลักษณะแอบอ้างเป็นพนักงานไปรษณีย์ไทย, บริษัท DHL และแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง มีประชาชนได้รับความเสียหายมูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท ผลการตรวจค้นพบคนไทยซึ่งเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ตามหมายจับกว่า 40 ราย
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 59 รายนั้น อยู่ระหว่างรอส่งกลับไทยมาดำเนินคดี ซึ่งตำรวจ PCT จะไปรอรับตัวที่ชายแดน จ.สระแก้ว เพื่อซักถามปากคำผู้ต้องหา และหลังจากเสร็จสิ้นการขยายผลแล้ว จะมีพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์สร้างความเสียหายนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 64 ถึงปัจจุบัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,136 ล้านบาท สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก ฝากเตือนประชาชนให้มีสติคิดก่อนจะโอนเงินให้ใคร หากผู้เสียหายที่ยังไม่ได้ร้องทุกข์สามารถแจ้งความในระบบรับแจ้งความออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com หรือพบเบาะแสเกรงจะตกเป็นเหยื่อสามารถปรึกษาได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-8663000 และสามารถติดตามรูปแบบการประชาสัมพันธ์กลโกงได้ที่ pctpr.police.go.th.-สำนักข่าวไทย