กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – 2 ปีผ่านไปกับคดีป้าทุบรถ จอดขวางประตูทางออกหน้าบ้านของตัวเอง ในหมู่บ้านเสรีวิลล่า แยก 2 ตอนนี้เงียบ สงบ สมใจ
คงจะจำเหตุการณ์
“ขวานลั่น สนั่นเมือง” อันลือลั่น
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่มีการเผยแพร่คลิป น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ (ป้าเสียม),
น.ส.มณีรัตน์ แสงภัทรโชติ (ป้าขวาน) ใช้ขวานทุบรถกระบะนิสสัน นาวารา
สีขาว ทะเบียน กค 9297 กรุงเทพมหานคร ของ น.ส.รชนีกร เลิศวาสนา อายุ 37 ปี
ที่จอดขวางบริเวณประตูทางออกหน้าบ้านของตัวเอง ในหมู่บ้านเสรีวิลล่า แยก 2 แขวงหนองบอน
เขตประเวศ กรุงเทพฯ ได้รับความเสียหาย
โดยฝ่ายเจ้าของรถกระบะอ้างว่า
เข้าใจว่าเป็นบ้านร้าง จึงนำรถมาจอด เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 61
ที่ผ่านมา และได้รับความสนใจจากคนในสังคมอย่างกว้างขวาง
กระทั่งเป็นการจุดประเด็นถึงตลาดสวนหลวงที่สร้างอยู่ใกล้หมู่บ้านเสรี
อันเป็นสถานที่เกิดเหตุ และต่อมาได้มีการดำเนินการกับตลาดรอบบ้านป้า
เกิดเป็นเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งตลาดครั้งใหญ่
กระทั่งศาลพิพากษาให้ป้าชนะคดี ส่งผลให้ตลาดรอบบ้านป้ารวม 5
แห่งต้องมีอันต้องย้ายออกไป โดยไม่มีข้อแก้ตัว
ผ่านมาจนถึงวันนี้
กินเวลารวมๆแล้ว 2 ปีกว่า
เราจึงขอไปดูความเป็นไปของจุดเกิดเหตุว่าผ่านมาพอสมควรตรงนั้นเป็นอย่างไร
บรรยากาศที่ถนนซอยหมู่บ้านเสรีวิลล่า บ้านที่เกิดเหตุ วันนี้เงียบเหงามากจริง ๆ
ยังจำบรรยากาศในช่วงเวลาปกติที่มีตลาด แม้จะไม่ใช่ช่วงเช้า
และเย็นที่จะมีนักวิ่งมากหน้าหลายตามาวิ่งที่สวนหลวง ร.9 ก็จะยังมีรถวิ่งขวักไขว่
แวะเวียนมาจับจ่ายซื้อของที่ตลาด แต่วันนี้ตลาดทุกที่ทั้ง 5 แห่ง
ร้านค้าทั้งหมดย้ายไปที่อื่น พื้นที่คล้องกุญแจปิดตาย ความคึกคักในอดีต
วันนี้ถูกแทนที่ด้วยความเงียบเหงา
เดินผ่านหน้าบ้านคุณป้าที่เป็นข่าว
เมื่อสองปีที่แล้ว ช่วงที่เคยเป็นข่าวยังไง วันนี้ก็ยังคงสภาพเดิม คือ
เต็มไปด้วยป้ายเรียกร้องข้อความต่างๆมากมาย ติดอยู่เต็มรั้วหน้าบ้าน
จนไม่สามารถมองเห็นผ่านเข้าไปในภายในบ้านได้
ซึ่งหากดูจากสภาพภายนอกเราแทบจะไม่กล้าจินตนาการเลยด้านในมีคนอยู่หรือไม่
เพราะมันเงียบมากแทบจะไร้ความเคลื่อนไหว
เราก็เฝ้ารออยู่นานก้ไม่มีความเคลื่อนไหวจากบ้านของคุณป้า
ไปสอบถามเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม
ผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ละแวกนั้น ก็ไม่ค่อยจะอยากพูดถึง และไม่พร้อมให้สัมภาษณ์
เพราะบอกกับเราว่าไม่อยากจะมีปัญหาระหว่างกัน
ได้เพียงแต่ถามว่า แถวบ้านไม่มีตลาด
รถไม่พลุกพล่านแล้วแล้วความเป็นอยู่ดีขึ้นหรือไม่ ไม่น่าเชื่อว่า
เราได้รับคำตอบในรูปแบบเดียวกัน ระบุว่า “ไม่ ไม่ชอบ
คุณดูซิมันเงียบเหงาขนาดไหน เดิมมีตลาดก็จะหาอะไรกินก็ง่าย ไม่ต้องลำบากไปไหนไกลๆ บรรยากาศตอนนี้ไม่ค่อยชอบเลย
” ถามต่อว่าแล้วตอนมีตลาดเคยเจอปัญหารถจอดขวางหน้าบ้านไหม
เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามบอกว่า “ไม่นะ ไม่เคยมีเลย
ปกติคนที่มาเขาก็มีที่จอดของเขา ไม่อยากพูดแล้ว มันจบไปแล้ว ไม่อยากจะมีปัญหาอีก”
ขณะที่เราก็ไปถามเจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำสวนหลวง ร.9 เจ้าหน้าที่บอกว่า
ส่วนใหญ่ผู้ที่มาใช้บริการสวนสาธารณะจะบ่นว่าตลาดไม่มี ทำให้หาของกินยาก
เสน่ห์ของสวนหลวง ร.9 ก็ลดลงไปด้วย
สำหรับตลาดทั้ง
5 แห่งรอบบ้าน “ป้า” หรือ น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ
ภายในหมู่บ้านเสรีวิลลา ซอยศรีนครินทร์ 55 เขตประเวศ กทม. ประกอบด้วย ตลาดเปิ้ลมาร์เก็ต ตลาดยิ่งนรา ตลาดสวนหลวง 1 ตลาดรุ่งวาณิชย์และตลาดร่มเหลือง โดยมีผู้ค้าส่วนหนึ่งย้ายไปทำการค้าขายใหม่บริเวณหน้าห้างพาราไดซ์ ปาร์ค
และตลาดปาป้า หรืออยู่สะอาดมาร์เก็ต ปากซอยศรีนครินทร์ 53 เราได้ไปในบางพื้นที่ที่ได้รับแจ้งว่าย้ายไปขายแต่ก็ไม่พบร้านค้ามาเปิดขายของ
สอบถามคนในพื้นที่ระบุว่าตลาดจะมาคึกคัก คือ ตอนเช้ากับเย็น
ช่วงกลางวันก็จะเงียบๆแบบที่เห็น
แม้ว่าป้าทั้งสองคนจะชนะคดี
เรื่องตลาด แต่ทั้งสองมีความผิด ถูกพิพากษาในฐานทำให้เสียทรัพย์
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 และ 83
โดยศาลจังหวัดพระโขนง ตัดสินเมื่อวันที่ 30 พ.ค.62 สั่งจำคุกคนละ 3 เดือนและปรับคนละ 18,000 บาท
ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3
คงจำคุก คนละ 2 เดือนและปรับคนละ 12,000 บาท โดยพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิด
เพราะความเครียดและความโกรธสะสมมาเป็นเวลานาน
ความผิดที่กระทำไม่ร้ายแรงจำเลยทั้งสองได้บรรเทาผลร้าย
จากการกระทำความผิดโดยนำเงินมาวางศาล 50,000 บาท
เพื่อชำระแก่ผู้เสียหายตามที่เสียหายจริง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยรับโทษจำคุกมาก่อน
เห็นควรให้โอกาสจำเลยทั้งสองกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี .- สำนักข่าวไทย



