กรมส่งเสริมสหกรณ์ จับมือ แอมเวย์ส่งข้าวมากกว่า 3.9 หมื่นตัน

กรุงเทพฯ 18 พ.ย.- กรมส่งเสริมสหกรณ์ จับมือแอมเวย์ยาวนาน 22 ปี ส่งข้าวมากกว่า 3.9 หมื่นตัน สร้างรายได้ให้สมาชิกสหกรณ์กว่า 992.76 ล้านบาท ขยายตลาดข้าวสารต่อเนื่อง หนุนสหกรณ์ต่อยอดข้าวคุณภาพ หวังส่งออก ตปท. สร้างรายได้เพิ่มให้กับสมาชิกอย่างยั่งยืน


กรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดพิธีลงบันทึกข้อตกลงขายข้าวแอมเวย์ โดยมี นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นสักขีพยาน ระหว่าง บริษัท ซี.เอ.เอส อินเตอร์เทรด จำกัด กับสหกรณ์การเกษตร จำนวน 5 แห่ง ที่เป็นคู่ค้าข้าวสารกับบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมหนุนสหกรณ์ผู้ผลิตข้าวพัฒนาต่อยอดข้าวคุณภาพ หวังส่งออกจำหน่ายตลาดต่างประเทศ      

นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ขยายช่องทางตลาดข้าวสารภายในประเทศ โดยประสานความร่วมมือระหว่างสหกรณ์ผู้ผลิตข้าวคุณภาพกับบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อช่วยให้สหกรณ์มีตลาดจำหน่ายข้าวสารที่แน่นอน และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับผู้บริโภคโดยตรง กรมฯ จึงดำเนินการคัดเลือกสหกรณ์การเกษตรที่มีการแปรรูปข้าวที่มีศักยภาพและเป็นสหกรณ์ที่ผลิตข้าวหอมมะลิแท้ ทำสัญญาซื้อขายและเป็นคู่ค้าข้าวสารสหกรณ์กับ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นข้าวหอมมะลิบรรจุถึงสุญญากาศ ภายใต้เครื่องหมาย “Amway” ตั้งแต่ ปี 2542 เป็นต้นมา จวบจนปัจจุบันเป็นระยะเวลายาวนานถึง 22 ปี 


นายอัชฌา กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งเริ่มโครงการฯ จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีปริมาณและมูลค่าของข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องหอมมะลิ และข้าวกล้องงอก ที่ส่งมอบให้กับบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด มีปริมาณรวมกว่า 39,300.45 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวม 992.76 ล้านบาท ปัจจุบันมีสหกรณ์การเกษตรที่เข้าร่วมโครงการ 5 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์การเกษตร พิมาย จำกัด จังหวัดนครราชสีมา สหกรณ์การเกษตรเมืองร้อยเอ็ด จำกัด จังหวัดร้อยเอ็ด สหกรณ์การเกษตรปราสาท จำกัด จังหวัดสุรินทร์ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรบุรีรัมย์ จำกัด จังหวัด บุรีรัมย์ และสหกรณ์การเกษตรพร้าว จำกัด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทุกสหกรณ์มีศักยภาพในการผลิตรวบรวมและแปรรูปข้าวสาร มีโรงสีข้าวที่ผ่านมาตรฐาน GMP HACCP และ อย. มีกำลังการผลิตตั้งแต่ 40 – 100 ตันต่อวัน 

ที่ผ่านมา กรมฯ ได้สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจข้าวของสหกรณ์ตั้งแต่ด้านการผลิต การรวบรวม การแปรรูป และการตลาด โดยให้ความรู้ สนับสนุนเงินทุน อุปกรณ์การตลาด การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์หาตลาดและการจับคู่ธุรกิจ รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ กรมการค้าภายใน องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือ อ.ต.ก. รวมทั้งสหกรณ์ได้มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวคุณภาพที่มีหลากหลายสายพันธุ์เพิ่มมากขึ้น พัฒนาเครื่องจักรกลต่าง ๆ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ปริมาณโรงสีขนาดใหญ่ในสถาบันเกษตรกร/สหกรณ์เพิ่มมากขึ้น มีประมาณ 50 โรงสี รวมทั้งมีไซโลเก็บผลผลิตทางการเกษตรขนาดใหญ่ และสิ่งที่สำคัญ ที่จะตอบโจทย์การตลาดในปัจจุบันคือ การตลาดออนไลน์ การขนส่งมีความรวดเร็ว สินค้าดีมีคุณภาพตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค 

สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงขายข้าวแอมเวย์ ในครั้งนี้ เป็นความตกลงร่วมกันในการซื้อขายข้าวสาร Lot 50 ในปริมาณ 312 ตัน มูลค่า 9.862 ล้านบาท กำหนดส่งมอบระหว่างเดือนมกราคม – กันยายน 2565 ทั้งนี้ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ได้มีการนำเสนอสินค้าใหม่เพื่อทำข้อตกลงซื้อขายระหว่างสหกรณ์ กับบริษัท ซี.เอ.เอส อินเตอร์เทรด จำกัด ในฐานะผู้แทนของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีนโยบายในการขยายฐานลูกค้าใหม่ ต้องการข้าวสารคุณภาพ อาทิ ข้าว 5 สี (ข้าวไรซ์เบอร์รี่งอก ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวสังข์หยด ข้าว กข.43 และข้าวหอมมะลิ) และข้าวตรา CaslightG เพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าประเภทร้านอาหารเป็นหลัก เน้นการตลาดออนไลน์มีการสื่อสารที่รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ช่วยระบายข้าวในสต๊อคของสหกรณ์  และเป็นการแก้ไขปัญหาข้าวราคาตกต่ำด้วย


ด้านนางปาณชญา บวชสันเทียะ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์ฯ ได้เข้าร่วมโครงการฯ มาตั้งแต่ปี 44 จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ข้าวของสหกรณ์ฯ เป็นที่รู้จักและยอมรับของกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจและเชื่อมั่นในคุณภาพการผลิตข้าวของสหกรณ์ ทำให้สหกรณ์มีโอกาสพัฒนาต่อยอดข้าวคุณภาพจำหน่ายให้กับลูกค้ารายอื่นด้วย ขณะนี้นอกจากจะส่งข้าวให้กับแอมเวย์แล้ว สหกรณ์ยังส่งข้าวให้กับโรงแรมต่างๆ                ข้าวปลอดภัยส่งขายให้โรงพยาบาลในจังหวัดนครราชสีมา และจำหน่ายให้กับเครือข่ายสหกรณ์ รวมทั้งมีพ่อค้ารายอื่น ๆ ติดต่อขอซื้อข้าวสารของสหกรณ์ด้วย และทางสหกรณ์มีความพร้อมมีศักยภาพในการผลิตข้าวคุณภาพ หากในอนาคตจะมีการส่งออกข้าวไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ซึ่งเราต้องอาศัยความร่วมมือจาก บริษัท ซี.เอ.เอส อินเตอร์เทรด จำกัด เป็นตัวกลางในการประสานเครือข่ายทางการตลาดกระจายสินค้าไปยังต่างประเทศ อาทิ ประเทศจีน อินเดีย รวมทั้งประสานกับบริษัท แอมเวย์ ในต่างประเทศนำข้าวแอมเวย์ไปจำหน่ายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ถ้าสามารถกระจายไปยังต่างประเทศได้ จะทำให้สหกรณ์มียอดการจำหน่ายสูงขึ้น สหกรณ์มีกำไรจากการดำเนินธุรกิจมากขึ้น สมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]