จับตานโยบายใหม่ฟื้นเศรษฐกิจจากโควิด-19

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – นายกรัฐมนตรียอมรับเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจติดลบใกล้เคียงร้อยละ 10 เร่งหามาตรการใหม่พยุงหลังคาดโควิด-19 กระทบโลกยาวนาน 2-3 ปี เอกชนเตรียมกระทุ้งมาตรการใหม่ผ่านรัฐมนตรีเศรษฐกิจคนใหม่ ขณะนี้รอ รมว.พลังงานตัดสินใจโรงไฟฟ้าชุมชนและการนำเข้าแอลเอ็นจีของผู้ประกอบการรายใหม่


นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้เปิดเผยว่า นโยบายการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เสรี แม้ว่าทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จะให้ใบอนุญาตประกอบการกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper LNG) ให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ เช่น กลุ่ม กัลฟ์ และบีกริม แล้ว แต่ สนพ.จะต้องรอนโยบายจากรัฐมนตรีว่าการทรวงพลังงานคนใหม่ จากนั้นจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาต่อไป  หากไม่มีอะไรติดขัดก็น่าจะเห็นการนำเข้า LNG ของรายใหม่ได้บ้างภายในปีนี้ โดยการนำเข้าต้องรับฟังข้อสรุปจากทาง บริษัท PTTLNG  ผู้บริหารท่าเทียบเรือและสถานีรับ-จ่าย Map Ta Phut LNG Terminal  รวมทั้งต้องดูสัญญาก๊าซของ ปตท.ด้วยว่าจะเกิดปัญหาการจ่ายค่าก๊าซตามสัญญาไม่ว่าจะใช้ก๊าซหรือไม่ก็ตาม (Take or pay) หรือไม่ เพราะหากนำเข้ามาก็อาจจะกระทบต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “พลิกฟื้นประเทศไทย : ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง” ในงานครบรอบ 74 ปี หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์  โดยกล่าวตอนหนึ่งว่าตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2557 จะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ อัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจปี 2557 อยู่ที่เพียงร้อยละ 1.0 เพราะมีปัญหาความขัดแย้ง ความไม่มีเสถียรภาพ แต่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นร้อยละ 3.1 และร้อยละ 3.4 ในปี 2558 และ 2559 จากนั้นก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อถึงปี 2563 ประเทศไทยเผชิญปัญหาสำคัญ ทั้งเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจภายในประเทศ ที่ต้องเผชิญวิกฤตการณ์ ทั้งการค้า การลงทุนต่างประเทศ สิ่งสำคัญที่สุด คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19  ซึ่งทุกคนทราบดีว่าสถานการณ์เศรษฐกิจอยู่ในช่วงถดถอยทั้งโลก ประเทศไทยที่ว่าแย่ แต่ก็ยังมีหลายประเทศที่แย่มากกว่า ดังนั้น จึงขออย่าท้อแท้ ต้องทำให้ดีและฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ ทุกคนต้องอดทนบ้าง และคาดว่าจากปีนี้จนถึงปีหน้าและปีต่อไปอีก 2 หรือ 3 ปี กว่าจะทุกอย่างจะกลับมาฟื้นฟูเข้มแข็งได้ จึงต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหา ซึ่งความร่วมมือและความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญ ลดความขัดแย้งในหลาย ๆ ประเด็น สร้างความมีเสถียรภาพเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นทั้งภายในและภายนอกประเทศ


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมีเสถียรภาพเรื่องการเงินการคลัง ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ทั้งดุลบัญชีเดินสะพัด ทั้งในส่วนของกองทุนสำรองระหว่างประเทศมีผลทำให้มีดอลลาร์เข้ามาใช้จ่ายในประเทศจำนวนมาก ทำให้เกิดดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล สิ่งเหล่านี้จะทำให้ค่าเงินของเราแข็งพอสมควร  แต่ก็จำเป็นต้องมีมาตรการที่ระมัดระวัง ทั้งมาตรการการเงินสมัยใหม่ที่ต้องเสริมเข้ามา

“คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะติดลบไม่ถึง 10% น้อยกว่าประเทศอื่น ๆที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และเศรษฐกิจบางประเทศจะติดลบมากถึง 20 – 30% หากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวมากขึ้นการติดลบของเศรษฐกิจก็ลดลง ซึ่งการที่เศรษฐกิจไทยติดลบน้อยกว่าประเทศอื่น ๆนั้น เนื่องจากสามารถรับมือกับการระบาดได้ดีและมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็งมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดยังมีเงินดอลลาร์ที่เข้ามาใช้จ่ายในประเทศมาก ทำให้เงินบาทแข็งค่า ซึ่งเรื่องนี้จะมีการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างระมัดระวัง ซึ่งอาจจะต้องมีมาตรการทางการเงินเพิ่ม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ภาคการส่งออกต้องยอมรับว่าต้องหาตลาดส่งออกทดแทนตลาดเดิมและใช้จุดเด่นสินค้าที่มีความได้เปรียบ  เช่น สาธารณสุข เครื่องมือแพทย์ สินค้าเกษตร เพื่อสร้างโอกาสในการสร้างเศรษฐกิจในประเทศ เพิ่มการจ้างงาน การช่วยเหลือเอสเอ็มอี ขณะที่เรื่องหนี้สินภาคครัวเรือนก็ต้องจับตา เพราะขณะนี้หนี้ครัวเรือนที่เป็นส่วนบัตรเครดิต หนี้เพื่อการบริโภคก็สูงถึง 40% ส่วนอีก 60% เป็นหนี้จากการซื้อรถ ที่อยู่อาศัย และหนี้เพื่อการสร้างอาชีพส่วนนี้ต้องดูว่าจะให้ความช่วยเหลือลดภาระประชาชนได้อย่างไร รวมถึงการจัดการหนี้เดิมที่มีอยู่ อาทิ มาตรการพักเงินต้น ลดดอกเบี้ย และขยายระยะเวลาชำระหนี้แก่ลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบให้ประชาชนสามารถดำรงชีพอยู่ได้ในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยภาครัฐได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาประชาชน เช่น มาตรการการลดภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนของประชาชน เช่น การลดค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า การสนับสนุนเงินให้แก่ประชาชนกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ เช่น ลูกจ้างรายวัน มัคคุเทศก์ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว  เพื่อให้ทรัพยากรของภาครัฐเพียงพอต่อการพยุงสถานการณ์เศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพในระยะเร่งด่วนรัฐบาลจึงได้ตรา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท


นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวภายหลังรับฟัง นายกรัฐมนตรี โดยให้ความเห็นถึงรายชื่อรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ทั้งนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน และนายปรีดี ดาวฉาย รมว.คลัง ต่างเป็นผู้คุ้นเคยที่ทำงานร่วมกันทั้งใน ส.อ.ท. และในคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ซึ่งรู้ปัญหา ด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ มาเป็นอย่างดี และจากปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 ที่ขณะนี้เกิดการระบาดรอบ 2 ในหลายประเทศ ซึ่งกระทบหนักมายังประเทศไทยทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว และอื่น ๆ  ดังนั้น  กกร.และตัวแทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ แห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ตั้งคณะทำงานฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อรวบรวมปัญหาทางออกทั้งหมด และนำไปหารือกับ รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจคนใหม่ โดยจากที่ผลกระทบยืดเยื้อ ดังนั้น ภาครัฐควรจะมีมาตรการใหม่ ๆ เพิ่มเติมออกมา รวมทั้งยืดเวลามาตรการเดิม เช่น การเพิ่มกระแสเงินสด การยืดการพักชำระหนี้ เพื่อให้ทั้งประชาชน ผู้ประกอบการ มีเงินทั้งการดำรงชีพและบริหารงาน เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจที่หนักสุดไปได้

“นโยบายด้านเศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 ต้องเร่งทำทุกด้าน อะไรที่เป็นของดีก็ควรทำต่อ เช่น เดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชม การเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินของภาครัฐ การใช้เงินตามกรอบ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้กระจายเม็ดเงินสู่สังคม สู่รากหญ้า ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว รวมทั้งต้องมีมาตรการใหม่ ๆ กระตุ้นด้านท่องเที่ยว ด้านส่งออก ซึ่งรัฐมนตรีหลายคนก็เปลี่ยนหมวกจากเอกชนมา คาดว่าจะรู้ปัญหาและทำงานร่วมกันเอกชนในการคลายล็อกต่าง ๆ และฟื้นฟูเศรษฐกิจ” นายสุพันธุ์ กล่าว. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]

“ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายฟังคำพิพากษา ลุ้นชดใช้คดีจำนำข้าว

ศาลปกครอง 22 พ.ค.- “ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายรอฟังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท คดีจำนำข้าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดเตรียมออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ในคดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บรรยากาศที่ศาลปกครอง ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน. ทุ่งสองห้องราว 20 นาย มารักษาความสงบเรียบร้อย […]

ปรับแผนช่วยคนงานตกหลุมลึก 19 เมตร – 4 วันยังไม่ถึงครึ่งทาง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนการค้นหานำร่างคนงานขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตร หลัง 4 วัน ยังขุดลงไปไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านไปแล้ว 4 วัน สำหรับการค้นหานำร่างคนงานที่ตกลงไปในหลุมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 8 ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะนี้ขุดลงไปได้ประมาณ 7 เมตร จากความลึกของหลุม 19 เมตร ยังไม่พบร่างของผู้สูญหายแต่อย่างใด อุปสรรคสำคัญคือเสาเข็มปูนขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ในหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมหารือปรับแผนการช่วยเหลือกันอีกครั้ง หลังจากวางแผ่นชีสไพล์แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าแผนนี้จะป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงไปทับคนงานที่กำลังลงไปช่วยหรือไม่ โดยการทำงานจะเน้นความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก ส่วนตัวเลขการขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งว่าขุดลึกไปได้แล้ว 9 เมตรนั้น ทางหน้างานขอชี้แจงว่าให้ยึดตัวเลขล่าสุดเป็นหลัก เพราะวัดจากขอบถนนและพื้นด้านล่างไม่เสมอกัน บางชุดอาจขุดลงไปได้มากกว่า แต่เป็นจุดที่ลงไปไม่ได้ ยอมรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ยากกว่าที่คิด แต่ไม่เกินขีดความสามารถอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำทีมแถลงคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” เปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด

22 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำแถลงความคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” ยักยอกเงินวัดไร่ขิง พร้อมเปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด สนทนากับสีกาคนสนิท ส่วนเงินบัญชีวัดไร่ขิง และภายในมูลนิธิฯ พบว่ามีการทำธุรกรรมผิดปกติหลายรายการ และยังพบเงินกฐินถูกถอนออกไป ไม่มีการนำเข้าบัญชีวัด.-สำนักข่าวไทย