กรุงเทพฯ 17 ส.ค.- สนพ. อย่าวางใจ “น้ำมันขาลง” หวั่นหน้าหนาวขยับขึ้น ด้านราคาแอลเอ็นจีโลกกลับมาสู่ขาขึ้นอีก เหตุจากปัญหารัสเซีย-ยูเครน
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า สนพ.ได้ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่า ในขณะนี้เป็นเรื่องที่ดีที่ราคาตลาดโลกปรับลดลง โดย สัญญาน้ำมันดิบ ร่วงต่อเนื่อง 3วันทำการค้า รวมเกือบ 8 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งส่งผลดีต่อราคากลุ่มเบนซินที่มีทิศทางจะปรับลดลงอีก แต่ในส่วนของดีเซลนั้น ยังพบว่าต้นทุนที่แท้จริงยังสูงกว่า 35 บาทต่อลิตร ประกอบกับการที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบ เพราะอุดหนุนดีเซลเป็นหลัก จึงยังไม่สามารถที่จะลดราคากลุ่มดีเซลลงได้
“สถานการณ์ราคาตลาดโลกยังไว้ใจไม่ได้ ช่วงนี้ราคาน้ำมันลดลง เพราะหวั่นเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่หากเข้าไตรมาส4/65 เป็นช่วงหน้าหนาวก็น่ากังวลว่าราคาอาจจะขยับขึ้นอีก ส่วนก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ในขณะนี้ราคากลับมาสู่ขาขึ้นอีก อยู่ที่เกือบ 60 ดอลลาร์/ล้านบีทียู ผลจากหลายประเทศซื้อเพื่อเก็บสตอกในขณะที่ยุโรปแสวงหาก๊าซทดแทนจากรัสเซีย ผลพวงสงครามยูเครน-รัสเซีย ก็แอลเอ็นจีแพงจะมีผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้า ซึ่งหากทุกส่วนร่วมประหยัดพลังงาน ประเทศก็จะสามารถลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าหน่วยท้ายๆจากแอลเอ็นจีลงได้ ก็จะทำให้ผลกระทบค่าไฟฟ้าต่ำลง”นายวัฒนพงษ์กล่าว
บมจ.ไทยออยล์ รายงานว่า วานนี้ (16 ส.ค.) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลง 2.88 ดอลลาร์ปิดที่ 86.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.65 ส่วน BRENT ร่วงลง 2.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 92.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ ปิด 91.95 ดอลลาร์ /บาร์เรล ลดลง 2.50 ดอลลาร์/บาร์เรล เบนซินสิงคโปร์ ลดลง 2.58 ดอลลาร์ ปิด 108.82 ดอลลาร์/บาร์เรล และดีเซล เพิ่มขึ้น 1.19 ดอลลาร์ ปิด 129.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
ธนาคาร Barclays ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้และปีหน้าลงจากก่อนหน้า 8 ดอลลาร์ สู่ระดับ103 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสู่ระดับ 99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังคาดการณ์อุปทานน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นและมีอุปทานส่วนเกินในระยะสั้น จากการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซียที่ยังสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ก่อนการคว่ำบาตรอย่างเต็มรูปแบบของยุโรปในช่วงสิ้นปี โดยคาดว่าจะทำให้รัสเซียส่งออกน้ำมันดิบลดลงราว 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตาดูผลการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน โดยมีสหภาพยุโรปเป็นตัวกลาง โดยอิหร่านได้ตอบสหภาพยุโรป ในวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด หลังการเจรจาร่วมกันกินเวลากว่า 16 เดือน โดยนักวิเคราะห์คาดว่าปริมาณน้ำดิบในตลาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หากสหรัฐฯและอิหร่านยอมรับข้อเสนอจากสหภาพยุโรปจนสามารถบรรลุข้อตกลงได้ ซึ่งจะส่งผลให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น.-สำนักข่าวไทย