BIG STORY : ขสมก.พลิกแผนฟื้นฟู เตรียมจัดหารถไฟฟ้าวิ่ง 3,200 คัน

13 ส.ค. – BIG STORY วันนี้ เป็นเรื่องปัญหารถเมล์โดยสารในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใต้การเดินรถ 2 ส่วน คือ ของรถร่วมบริการเอกชน และรถส่วนหนึ่งเป็นรถเมล์ของ ขสมก. ซึ่งถือเป็นบริการขนส่งโดยสารหลักของเมือง เพราะวันขณะนี้มีผู้ใช้บริการต่อวันเกือบ 1 ล้านคน แต่มีสภาพปัญหารถเมล์เก่าใช้มานาน แผนฟื้นฟูกิจการที่กระทรวงคมนาคม ผลักดันยังไม่ผ่านความเห็นชอบ


เริ่มจากปัญหาภาพรวมของปัญหาที่องค์กรขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ประสบปัญหาในปัจจุบัน ผู้บริหาร ขสมก. เปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบัน ขสมก.มีรถโดยสารทั้งหมด 2,885 คัน มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 5-25 ปีขึ้นไป ส่งผลให้มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ส่วนตัวเลขผู้โดยสารที่ใช้บริการ ที่ผ่านมาก่อนสถานการณ์โควิด-19 ขสมก.มีผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันประมาณ 800,000-900,000 คนต่อวัน และช่วงโควิดระบาดมากหนัก มีมาตรการของรัฐที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทาง ขสมก.มีผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันประมาณ 200,000-400,000 คนต่อวัน แต่ปัจจุบันสถานการณ์โควิดได้คลี่คลาย มีผู้โดยสารเดินทางประมาณ 700,000 คนต่อวัน ในเที่ยววิ่งประมาณ 19,000 เที่ยวต่อวัน

ขณะที่แผนฟื้นฟูของ ขสมก.ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาล ซึ่งในแผนมีประเด็นเรื่องการแก้ปัญหาภาระหนี้ด้วย ซึ่งปัจจุบันหนี้สะสมพุ่งไปกว่า 130,000 ล้านบาทแล้ว ขณะที่แผยการจัดหารถใหม่ ที่เดิมมีอยู่กว่า 2,000 คัน ผูกอยู่ในแผนฟื้นฟูด้วย พอแผนชะงัก ทำให้การจัดหารถสะดุดไปด้วย เป็นที่มาซึ่งนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พยายามแยกแผนการจัดหารถใหม่ออกมา


ขณะที่ประเด็นเรื่องการจัดหารถใหม่นี้ ล่าสุดกระทรวงคมนาคม ตั้งเป้าปี 2565 จะผลักดันให้มีการใช้รถขนส่งสาธารณะพลังงานไฟฟ้า หรือ EV ไม่น้อยกว่า 1,000 คัน โดย 20 ส.ค.นี้ จะคิกออฟเปิดวิ่งรถเมล์ไฟฟ้าสาย 2-38 หรือสาย 8 เดิม เส้นทาง แฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธ นำร่อง 20 คัน

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปสำรวจความเห็นของผู้ใช้รถเมล์โดยสาร ซึ่งประชาชนที่ใช้บริการรถเมล์เป็นประจำ มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีการปรับไปใช้รถเมล์ไฟฟ้า เพราะนอกจากช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณให้กับ ขสมก.อีกด้วย และจะดียิ่งขึ้นไปอีก หากมีการปรับลดค่าโดยสารให้ถูกลง เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับประชาชนขณะนี้ แต่ที่สำคัญสุด ขอให้มีรถเมล์สภาพใหม่เข้ามาวิ่งให้บริการ

ส่วนเรื่องแผนการจัดหารถเมล์ใหม่ หลังจากรัฐบาลให้ ขสมก. กลับมาปรับปรุงแผนตามคำแนะนำของสภาพัฒน์ ซึ่งยังไม่รู้ว่าแผนจะผ่านเมื่อไหร่ กระทรวงคมนาคมมีแผนจะให้ ขสมก.จัดหารถใหม่เพื่อมาวิ่งให้บริการ ป้องกันปัญหารถขาด รถเก่า เสียซ่อม โดยแยกแผนการจัดหารถเมล์ไฟฟ้า หรือ EV จำนวน 322 คัน ออกมาดำเนินการก่อน


แต่ล่าสุดก็มีประเด็นการหารถในจำนวนนี้ แม้ได้มา ขสมก.ก็ยังมีรถส่วนใหญ่ที่จะยังใช้เชื้อเพลิงน้ำมันอยู่ เป็นต้นทุนสูงต่อเดือน และ ขสมก.ก็มีความยุ่งยากในการบริหารพลังงาน ที่ต้องมีทั้งรถไฟฟ้า รถน้ำมัน และรถเอ็นจีวีบางส่วน ดังนั้น บอร์ด ขสมก. จึงต้องการแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยปรับแผนการจัดหารถเมล์ใหม่ คาดว่าจะนำเสนอบอร์ด ขสมก. พิจารณาอนุมัติได้ใน 2 เดือนข้างหน้า โดยจะมีการปรับแผน เป็นการจัดหารถเมล์ไฟฟ้าทั้งหมด 3,200 คัน โดยจะใช้วิธีแบบจ้างวิ่ง เพื่อไม่เป็นภาระ ค่าซ่อมบำรุงรถในแต่ละเดือน หรืออาจใช้วิธีดึงเอกชนมาร่วมลงทุนแบบ PPP โดยจะมีการนำเสนอแผนให้บอร์ดพิจารณาอนุมัติภายใน 2 เดือนข้างหน้า หากเห็นชอบแล้วจะมีการนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร. ดูแลก่อน หลังจากนั้นจะมีการนำเสนอให้คณะกรรมการจัดระบบจราจรทางบก หรือ คจร. พิจารณา และต้องนำเสนอเข้าสู่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติดำเนินการ โดยบอร์ด ขสมก. ตั้งเป้าหมายว่า หลังจากโครงการได้รับอนุมัติแล้ว จะมีระยะเวลาโครงการรับมอบรถปีละ 1,000 คัน เฉลี่ยไปจนครบ 3,200 คัน ภายใน 3 ปี

การจัดหารถเมล์ไฟฟ้าทั้ง 3,200 คัน ขสมก.ยังต้องแก้ไขภาระหนี้ และการปรับโครงสร้างองค์กร ยกระดับคุณภาพบุคลากร ปัจจุบัน ขสมก.มีพนักงานประมาณ 13,000 คน ขณะนี้พนักงานจะทยอยเกษียณ ในอนาคตหากมีการจ้างเอกชนเดินรถ พนักงาน ขสมก. ที่จะเหลือเพียง 7,000-8,000 คน ก็จะเป็นจำนวนที่เหมาะสมต่อการเดินรถให้บริการด้วย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]