กรุงเทพฯ 11 ส.ค.- กลุ่มพลังงานเผยผลประกอบการไตรมาส2/65 มีกำไรโตขึ้น ปตท.ระบุครึ่งปีแรก ปตท.และบริษัทในกลุ่มทั้งในและต่างประเทศ มีรายได้ 1,685,419 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 64,419 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 5% ของยอดขาย
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรก ปตท.และบริษัทในกลุ่มทั้งในและต่างประเทศ มีรายได้ 1,685,419 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 64,419 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 5% ของยอดขาย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากราคาต้นทุนราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ ครึ่งปี 64 ที่ 57,166 ล้านบาทแล้ว สูงขึ้น7,253 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิ มาจากผลการดำเนินงานของปตท. คิดเป็น 24% ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ที่ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติปรับสูงขึ้นมาก และอีก 76% มาจากผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือ ปตท. ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 31% ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทย่อยอื่นๆ 17% ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น 16% สำหรับกลุ่มธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกมีสัดส่วนเพียง 12% ซึ่งมีกำไรจากการดำเนินงานตามส่วนงานคิดเป็น 4% จากรายได้ของธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก
ที่ผ่านมา ปตท.ได้ร่วมแบ่งเบาภาระต้นทุนค่าครองชีพด้านพลังงานกว่า 17,800 ล้านบาท อาทิ สนับสนุนเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกรณีพิเศษจำนวนเงินรวม 3,000 ล้านบาท รวมถึงให้ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อยที่เป็นร้านค้าหาบเร่ แผงลอยอาหาร ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การตรึงราคาขายปลีกช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้รถ NGV ส่วนบุคคล และผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จัดหาน้ำมันดิบเพื่อเพิ่มปริมาณสำรอง บรรเทาภาระต้นทุนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ในปี 2565 ปตท. ยังมีแผนลงทุนจำนวน 91,000 ล้านบาท เพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศและเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ผ่านการลงทุนในธุรกิจ LNG ธุรกิจก๊าซฯและท่อส่งก๊าซฯ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าตลอดห่วงโซ่คุณค่า
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2565 มีรายได้ขายและบริการ 211,431 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 6,568 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน จำนวน 34,140 ล้านบาท และ 2,723 ล้านบาท ตามลำดับ สาเหตุจากปริมาณการขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกกล่มธุรกิจ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังจากมาตรการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เริ่มผ่อนคลาย พร้อมเดินหน้าในทิศทางใหม่ของการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน (Inclusive Growth) ในทุกมิติ
นายโรเบิร์ต โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เผยผลประกอบการและผลดำเนินงานทางด้านการเงิน ไตรมาสที่ 2/2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 206 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (7,156 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,872 ล้านบาท)
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 มีรายได้รวม (Total Revenue) เท่ากับ 24,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน กำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit)เท่ากับ 3,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,680 ล้านบาท หรือ 120% สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลกำไรจากโครงการ GSRC หน่วยที่ 1-3 ที่ทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมีนาคม 2564 เดือนตุลาคม 2564 และเดือนมีนาคม 2565 ตามลำดับ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH จำนวน 1,172 ล้านบาท นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/2565 PTT NGD ซึ่งเป็นโครงการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติผ่านทางท่อที่ GULF ถือหุ้นร่วมกับ ปตท. นั้น ได้บันทึกส่วนแบ่งกำไรเท่ากับ 273 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 332% เทียบกับไตรมาส 2/2564 โดยสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันเตาที่เพิ่มสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก เนื่องจากโครงสร้างรายได้นั้น ผูกกับราคาน้ำมันเตา และกำไรสุทธิ (Net Profit) เท่ากับ 1,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาส 2/2564 .-สำนักข่าวไทย