11 ส.ค. – CKPower ฝ่าวิกฤติก๊าซแพง Q2/65 กำไรเพิ่ม 157 ล้านบาท YoY คาด Q3 แนวโน้มผลการดำเนินงานดีกว่าปีก่อน เร่งลุยลงทุนพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทในเครือในไตรมาสที่ 2/2565 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกของปีนี้ สร้างผลกำไรเป็นที่น่าพอใจ โดยในไตรมาส 2 มีรายได้รวม 2,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 364 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีรายได้รวม 2,295 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท อยู่ที่ 864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% หรือ 157 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 707 ล้านบาท
ปัจจัยบวกมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น 248 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) ซึ่งบริหารโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ในสปป.ลาว โดย XPCL มีกำไรเพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ เติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับไตรมาสที่ 2 โดยมีรายได้รวม 5,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 806 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีรายได้รวม 4,396 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท อยู่ที่ 903 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% หรือ 81 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 822 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น 278 ล้านบาท ซึ่งมาจาก XPCL ที่มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของปี 2565 เป็นที่น่าพอใจและเติบโตเป็นไปตามที่บริษัทประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนในไตรมาส 3/2565 บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานจะมีแนวโน้มดีกว่าปีก่อน โดยจากการประเมินแนวโน้มของสถานการณ์น้ำของ XPCL ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่อง และขณะเดียวกัน รายได้จากลูกค้าอุตสาหกรรมของ BIC มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับต้นทุนเชื้อเพลิงมากขึ้นจากการปรับเพิ่มค่า Ft ของภาครัฐตั้งแต่เดือนพฤษภาคมอีกด้วย
“CKPower ยังคงเดินหน้าเต็มที่ในการพัฒนาและลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียนและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อองค์กรและสังคม (Sustainability) บริหารจัดการธุรกิจโดยยึดหลัก ESG ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม (Environment) ควบคู่กับการพัฒนาสังคม (Social) ยึดหลักธรรมาภิบาล (Governance) โดยล่าสุด XPCL ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของ CKPower ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ครั้งที่ 1/2565 ให้แก่นักลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดขายรวม 8,395 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดเสนอขาย 5,000 ล้านบาท และยอดเสนอขายเพิ่มเติมเนื่องจากความต้องการของนักลงทุนมากกว่าที่เสนอขายอีก 3,395 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันถึงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของ XPCL ได้เป็นอย่างดี” นายธนวัฒน์ กล่าว
นายธนวัฒน์ ย้ำว่า CKPower ยังคงลงทุนต่อเนื่องเพื่อให้ CKPower เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและมีกำลังการผลิตเติบโตเป็นสองเท่าในปี 2567 โดยในปัจจุบันนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์เป็น 330 เมกะวัตต์ และพลังงานลม 700 เมกะวัตต์ ในภูมิภาคอาเซียน อาทิ ในประเทศไทย และเวียดนาม
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “CKP” เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอยู่ในดัชนี SET100 ตลอดจนได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงอยู่ในดัชนี SETCLMV ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทจดทะเบียนของไทย ที่มีการทำธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV และได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่อันดับ “A” แนวโน้ม “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด
ข้อมูลเกี่ยวกับ CKPower: บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 13 แห่ง รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้งที่ 2,167 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย (1) โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 46% (ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ และบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 42.5% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ (2) โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จำนวน 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 65% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 238 เมกะวัตต์ และ (3) โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100% จำนวน 7 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 15 เมกะวัตต์ ภายใต้ บริษัท เชียงราย โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ และภายใต้บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์. – สำนักข่าวไทย