fbpx

กรมเจ้าท่า เผยผลศึกษา Cruise Terminal 3 พื้นที่

กรุงเทพฯ 9 ส.ค.- กรมเจ้าท่าเดินหน้าแผนพัฒนาท่าเรือรองเรือรับสำราญขนาดใหญ่ (Cruise) จำนวน 3 โครงการครอบคลุมทุกเส้นทาง การเดินเรือสำราญขนาดใหญ่ผ่านประเทศไทย ทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทย และ อันดามัน ผลการศึกษามีความเป็นไปได้ในการพัฒนาท่าเรือใน 3 พื้นที่ ได้แก่ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ และจังหวัดชลบุรี


นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปลอดภัย กรมเจ้าท่า ในฐานะที่เป็นหน่วยงานดูแลและพัฒนาท่าเรือที่เป็นท่าเรือเพื่อการโดยสารและท่าเรือขนส่งสินค้าทั่วประเทศ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาให้ท่าเรือที่เป็นจุดเชื่อมโยงการเดินทางขนส่งทางน้ำ ที่จะนำมาซึ่งประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว สร้างเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจเป็นไปตามนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐรัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงการท่าเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่(Cruise Terminal) ในพื้นที่จังหวัดที่มีศักยภาพ

  “แนวคิดในการพัฒนาท่าเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่นี้ เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลางถึงระดับสูง ที่มีการใช้จ่ายเงินในการท่องเที่ยวจำนวนมาก สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ และระบบเศรษฐกิจสูง การศึกษาฯ คำนึงถึงความเป็นไปได้ ที่จะพัฒนาให้มีท่าเรือต้นทาง (Home Port) ในประเทศไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวจะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยล่วงหน้า เพื่อที่จะลงเรือเริ่มต้นเส้นทางท่องเที่ยวทางทะเล หรือขึ้นจากเรือเมื่อสิ้นสุดการเดินทางและท่องเที่ยวต่อในประเทศไทย ก่อนเดินทางกลับ พร้อมพัฒนาให้มีท่าเรือแวะพัก (Port of call) ที่จะเป็นท่าเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ที่มีเส้นทางเดินเรือ ผ่านประเทศไทย ทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทย และอันดามัน อันจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจท่องเที่ยว การบริการและธุรกิจต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดย่อม ไปถึงผู้ค้า ผู้ให้บริการรายย่อย การออกแบบท่าเรือจะนำเอาแนวคิดที่เป็นอัตลักษณ์ ของประเทศไทยและท้องถิ่นมาผสมผสาน เพื่อให้ท่าเรือมีความโดดเด่นเป็นแลนด์มาร์คแห่งท้องทะเลไทย” รองอธิบดี กรมเจ้าท่าฯ กล่าว


“เนื่องจากประเทศไทยมีธรรมชาติทางทะเลที่สวยงามติดอันดับโลก ตลอดจนวัฒนธรรม ประเพณี ธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวบนฝั่งที่งดงาม หากแต่ยังไม่มีท่าเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ที่เหมาะสม มีสิ่งอำนวยความสะดวกปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสารลดเวลาในการขึ้น – ลง จากเรือ เพื่อให้มีเวลาในการท่องเที่ยวมากขึ้น ดังนั้น หากมีท่าเรือที่เหมาะสม จะช่วยดึงดูดให้เรือสำราญขนาดใหญ่ เข้ามาจอดเทียบ สร้างรายได้ให้กับประเทศ ดังที่กล่าวข้างต้น โดยการก่อสร้างท่าเรือ จะทำภายใต้พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562” รองอธิบดีกรมเจ้าท่าฯ กล่าวเพิ่มเติม 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการพัฒนาท่าเรือเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งาน ทั้งด้านการค้า การขนส่ง การสัญจรทางน้ำ เชื่อมโยง กับระบบขนส่งอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำ สร้างรายได้ให้ประเทศ กรมเจ้าท่า ได้เล็งเห็นแล้วว่า ก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 การท่องเที่ยวโดยเรือสำราญมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น สามารถ สร้างรายได้ให้ประเทศเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้มีการพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญเพื่อการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ และ ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางท่องเที่ยวโดยเรือสำราญที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล สามารถ สร้างรายได้ให้ประเทศ กรมเจ้าท่า จึงได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาฯ ให้ดำเนินการศึกษาทั้งในส่วนการศึกษาวิเคราะห์ คัดเลือกพื้นที่ที่มีความเหมาะสม พร้อมศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม สิ่งแวดล้อม 

โดยทั้ง 3 โครงการฯ ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแล้ว โดยมีความคืบหน้าการดำเนินการในแต่ละโครงการฯ ดังนี้


1. โครงการศึกษาและวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญ ขนาดใหญ่(Cruise Terminal) ที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจากผลการศึกษาเดิมพบว่าที่ตั้งที่เหมาะสม ของท่าเรือได้แก่ บริเวณแหลมหินคม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผลงานสะสมถึงเดือนมิถุนายน 2565 ร้อยละ 80 อยู่ระหว่างการพิจารณาร่างหลักเกณฑ์ของโครงการร่วมลงทุนและ ร่างรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน

2. โครงการศึกษาวางแผนแม่บทเพื่อพัฒนาท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) และสำรวจออกแบบ ท่าเรือสำราญขนาดใหญ่บริเวณชายฝั่งอันดามัน ได้ข้อสรุปผลการคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมบริเวณอ่าวแหลมป่อง หมู่ที่ 3 ตำบลหนองทะเล อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ โดยพัฒนาเป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) รองรับเรือขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 1,500 คน และเป็นท่าเรือแวะพัก ( Port of call) สำหรับรองรับเรือขนส่งผู้โดยสาร 3,500 – 4,000 คน ผลงานสะสม ถึงเดือนมิถุนายน 2565 ร้อยละ 50 อยู่ระหว่างการออกแบบท่าเรือ และกำหนดรูปแบบการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน

3. โครงการศึกษาสำรวจออกแบบ ท่าเรือต้นทาง (Home Port) สำหรับเรือราญขนาดใหญ่ (CruiseTerminal) บริเวณอ่าวไทยตอนบน ได้ข้อสรุปที่เหมาะสม ในการพัฒนาท่าเรือบริเวณแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ท่าเรือเป็นลักษณะผสมผสาน (Hybrid) คือเป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) รองรับเรือขนส่งผู้โดยสาร ไม่เกิน 1,500 คนและ เป็นท่าเรือแวะพัก ( Port of call) สำหรับรองรับเรือขนส่งผู้โดยสาร 3,500-4,000 คน ผลงานสะสมถึงเดือนมิถุนายน 2565 ร้อยละ 60.00 โดย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบท่าเรือ และกำหนดรูปแบบการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน

ทั้งนี้  ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำร่างรายงานวิเคราะห์การให้เอกชนร่วมลงทุนฯ เพื่อนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการฯ ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

ข่าวแนะนำ

คุมเพลิงไหม้ “วิน โพรเสส” ได้แล้ว 95%

เหตุไฟไหม้โรงงานเก็บขยะเคมีอันตราย วินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง วันนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว 95% เหลือเพียงจุดความร้อนที่อยู่ใต้ซากกองเพลิง ซึ่งยังต้องใช้สาร F500 ฉีดลดความร้อน แต่ยังมีกลิ่นฉุนแอมโมเนีย ด้านกรมโรงงานอุตสาหกรรมเช็กกล้องวงจรปิดตรวจสอบว่าเป็นการวางเพลิงเพื่อทำลายหลักฐานเช่นเดียวกับเหตุที่เกิดขึ้นใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา หรือไม่

นายกฯ แจงเรียก “สุชาติ-รัฐมนตรี” เข้าพบ แค่ตามงาน

นายกฯ อารมณ์ดี เดินลงตึกไทยฯ พบสื่อ แจงเรียก “สุชาติ-รมต.” มีชื่อหลุด ครม.เข้าพบแค่ตามงาน ย้ำปรับ ครม.เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ ยันกินข่าวเที่ยงวานนี้ไม่มี ”ทักษิณ“

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก กทม.ครั้งแรกของปี

วันนี้เป็นครั้งแรกของปีที่ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับพื้นที่ กทม. ส่งผลให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะ หรือตั้งฉากกับพื้นที่บริเวณต่างๆ ของไทย 2 ครั้งต่อปี คือช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. และเดือน ก.ค.-ก.ย.