กรุงเทพฯ 5 ส.ค.- ซีอีโอ SENA ชี้เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มชะลอตัว จากปัจจัย ต้นทุนแข่งขันสูง-อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น-ความขัดแย้งในต่างประเทศ ส่งผลกำลังซื้อหดตัว กระทบผู้มีรายได้น้อย เหลื่อมล้ำมากขึ้น พร้อมปรับแผนธุรกิจรับมือเดินหน้าครึ่งหลังปี 65 เปิด 12 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มชะลอตัว สินค้าแพง รายได้ของผู้บริโภคลดลง มองว่าปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเครษฐกิจขณะนี้ คือ ต้นทุนการแข่งขัน อัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น และความขัดแย้งในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่าง จีน-สหรัฐ และรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจแทบทุกประเภท โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นทั้งพลังงาน วัสดุก่อสร้าง และดอกเบี้ย ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน และการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชน
อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ต้องระมัดระวังอย่างภาวะเงินเฟ้อ ปัญหาหนี้ครัวเรือน และการว่างงานที่ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ยิ่งจำทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น แต่อย่างน้อยภาครัฐยังมีมาตรการทั้งผ่อนคลาย และช่วยกระตุ้นภาคอสังหาฯ เช่น มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนอง หรือมาตรการผ่อนคลาย อย่างเกณฑ์การกำกับการดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Loan – to – Value : LTV) ซึ่งกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันเป็น 100% ซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการปลายปี 2565 นี้
ผศ.ดร.เกษรา ยอมรับว่า เสนาฯ เองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ช่วงที่ผ่านบางโครงการไม่สามารถเริ่มก่อสร้างได้ เนื่องจากวัสดุก่อสร้างขาดตลาด จึงต้องมีการปรับตัว และตื่นตัวพร้อมรับสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 ถือเป็นการทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ของเสนาฯ ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยช่วงครึ่งปีแรกเปิด 6 โครงการ 4,845 ล้านบาท สร้างยอดขายแล้ว 5,480 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 1 โครงการ แนวสูง 5 โครงการ สำหรับครึ่งปีหลัง ตามแผนเปิดเพิ่มอีก 12 โครงการ รวมมูลค่า 7,181 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการ และแนวสูง 7 โครงการ พร้อมรับภาวะตลาดตึงตัว ปรับเป้ายอดขาย 6,636 ล้านบาท และเป้ายอดโอน 7,595 ล้านบาท โดยเดือนสิงหาคม เริ่มเปิดขาย 4 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 2 โครงการและแนวสูง 2 โครงการ
นอกจากนี้ยังขยายโอกาสสำหรับธุรกิจใหม่ (New Business) 4 ด้าน ได้แก่ธุรกิจบริการด้านการดูแลป้องกัน และฟื้นฟูสุขภาพ รองรับการเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ ธุรกิจให้เช่าคลังสินค้าพร้อมช่วยบริหารจัดการแบบครบวงจร ธุรกิจให้บริการ ICO (INITIAL COIN OFFERING) หรือการระดมทุนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัล (DIGITAL TOKEN) ซึ่งเป็นการนำทรัพย์ที่มีอยู่จริง เช่น อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน รวมทั้งแผนการทำธุรกิจมาแปลงให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลและเปิดให้นักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุน และธุรกิจเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ ซึ่งก่อให้เกิดรายได้สม่ำเสมอ และระยะยาว (Recurring Income)
ทั้งนี้ เสนาฯ ยังร่วมกับพันธมิตร เตรียมจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ ที่ด้อยคุณภาพ NPL และ NPA จากสถาบันการเงิน เพื่อนำมาพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยคุณภาพให้เป็นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ.-สำนักข่าวไทย