กรุงเทพฯ 2 ส.ค.-สำนักงาน กกพ.เตรียมเชิญ ปตท.สผ.ขอความชัดเจน”ซอติก้า”ขัดข้อง ส่งก๊าซฯตามแผนอย่างไรส่วน ค่าไฟฟ้าเอฟที งวดใหม่ 93.43 สต./หน่วย ส่ง 3 การไฟฟ้าใช้อัตรานี้ ยอมรับปี 66 ค่าไฟฟ้ายังเป็นขาขึ้นหรือทรงตัวระดับสูง จะลดลงได้ในปี 67 หาก “เอราวัณ” ผลิตเพิ่มได้ตามแผน
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ. ) เปิดเผยว่ากกพ.จะดำเนินการให้ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) เข้ามาชี้แจงถึง กรณี แหล่งซอติก้า ประเทศเมียนมา ปิดซ่อมฉุกเฉิน เบื้องต้นแจ้งว่าเป็นรอยรั่วที่ท่อส่งก๊าซ และต้องหยุดส่งก๊าซธรรมชาติมาประเทศไทย 250 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันราว 2 สัปดาห์ ว่าตามแผนงานมีการรองรับอย่างไร ซึ่งจะเห็นได้ว่า การผลิตไฟฟ้ามีแผนรองรับไม่ขาดแคลน แต่แผนการจัดหาก๊าซฯ จะเป็นอย่างไร ก๊าซฯจะมาตามกำหนดแน่ชัดหรือไม่ ซึ่งจะต้องเตรียมให้พร้อมโดยจากการหยุดส่งก๊าซในครั้งนี้ ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้สั่งเดือนเครื่องโรงไฟฟ้าภาคตะวันตกให้ใช้ดีเซลและก๊าซฯจากภาคตะวันออก ทดแทน ซึ่งก๊าซฯก็มาจากทั้งอ่าวไทยและการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งก็จะมีผลต่อค่าไฟฟ้าในระยะต่อไป
“คงจะเชิญ ปตท.สผ.มาพูดคุยถึงกรณีซอติก้าว่าจะส่งก๊าซตามแผนหรือไม่ หรือจะสามารถเรียกก๊าซฯจากแหล่งอื่นๆมาทดแทน รวมทั้งจะสอบถามถึงกรณีแหล่งเอราวัณด้วยว่า หลังจาก ปตท.สผ.เข้าไปเป็นผู้ดำเนินการและเร่งแผนผลิตแล้ว ปริมาณก๊าซฯจะเพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันใน ปี 2567 หรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าจากก๊าซแหล่งนี้ช่วงเปลี่ยนผ่านผู้ดำเนินการในปีนี้กำลังผลิตต่ำกว่าแผนราว 500-600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ทำให้ต้องนำเข้าแอลเอ็นจีเพิ่มขึ้น ท่ามกลางราคาแอลเอ็นจีที่สูงก็มีผลกระทบต่อเนื่องมาถึงค่าไฟฟ้า” นายคมกฤช กล่าว
นายคมกฤช กล่าวว่า ได้แจ้ง 3 การไฟฟ้า ถึงมติ คณะกรรมการ กกพ. ในการเห็นชอบ ค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) งวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.65 )ที่ต้องขึ้นจากงวดที่แล้ว 68.66 สตางค์/หน่วย.เป็นอัตราที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมค่าไฟฐานเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 4.72 บาทต่อหน่วย ซึ่งนับว่าเป็นอัตราสูงสุด(นิวไฮ)ของค่าไฟฟ้าประเทศไทย ซึ่งการประกาศราคาใหม่ก็เป็นไปตาม พรบ.ประกอบกิจการพลังงาน ที่คณะกรรมการ กกพ.เห็นชอบค่าเอฟที และประกาศล่วงหน้าก่อนจัดเก็บ 1 เดือน โดยอัตรานี้เป็นการสะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงเท่านั้น ยังไม่มีการชำระหนี้ ค่าเชื้อเพลิง กฟผ. ที่ราว 83,010 ล้านบาทแต่อย่างใด ส่วนจะมีการใช้หนี้คืน กฟผ.เมื่อไหร่นั้นก็จะมีการพูดคุยกับ กฟผ.กันต่อไป
ทั้งนี้ อัตราค่าไฟฟ้าเอฟทีดังกล่าว คณะกรรมการ กกพ.ได้จัดรับฟังความเห็นประชาชนและยังเลือกตามข้อเสนอ กฟผ. ที่มีหนังสือแจ้งความเห็นเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบค่า Ft ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าและลดผลกระทบต่อสภาพคล่องของ กฟผ. เห็นควรปรับค่า Ft ตามกรณีศึกษาที่ 3 คือให้สะท้อนต้นทุน FAC งวดเดือนกันยายน – ธันวาคม2565 ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 68.66 สตางค์ต่อหน่วยเมื่อเทียบกับค่า Ft เรียกเก็บ
ในงวดปัจจุบัน โดย กฟผ. จะรับภาระค่า ส่วนต่าง ระหว่าง “ค่า Ftที่เกิดขึ้นจริง”กับ“ค่า Ft เรียกเก็บ”สะสมของงวดที่ผ่านม AF(Accumulate Factor : AF) แทนผู้ใช้ไฟฟ้าไปก่อน ซึ่งประเมินรวมทั้งหมดแล้วก็ประมาณ 1 แสนล้านบาทและไม่สามารถมารับภาระเพิ่มเติมสำหรับค่าเชื้อเพลิงสำหรับงวดใหม่ได้
“ค่าไฟฟ้าในงวดถัดไปปี 66 ก็ยังคาดว่าเป็นขาขึ้นและมีราคาสูง ราคาจะลดลงได้ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าแหล่งเอราวัณจะเพิ่มกำลังผลิตได้ตามแผนหรือไม่ หากตามแผน ก็จะพึ่งพาแอลเอ็นจีนำเข้าน้อยลง ต้นทุนค่าไฟฟ้าในปี 67 ก็มีแนวโน้มลดลง ที่สำคัญในช่วงนี้หากประชาชนร่วมกันประหยัดลดการใช้ไฟฟ้าก็จะเป็นผลดีทำให้ต้นทุนหน่วยผลิตท้ายๆที่ต้องจำเป็นต้องใช้แอลเอ็นจีลดลง “นายคมกฤช กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูล สำนักงาน กกพ.แจ้งว่าค่า Ftงวดใหม่ 93.43 สตางค์หน่วย ผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยดังนี้
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น มีการสอบถามข้อมูล จาก บอร์ด กกพ.ว่าจะชะลอการขึ้น หรือไม่แนวทางลดผลประทบอย่างไรหรือไม่ แต่ทั้งนี้ ตามกฏหมายและด้วยภาระของ กฟผ.ที่สูงมาก จึงต้องประกาศขึ้นตามอัตราดังกล่าว ในขณะที่ ทางกระทรวงพลังงาน มีนโยบายในการลดค่าไฟฟ้าตอ่ประชาชน โดยจะมีการนำเสนอของบประมารภาครัฐมาสนับสนุนต่อไป เช่น อาจจะใช้นโยบายเช่นเดียวกับปัจจุบันคือ ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนค่าไฟฟ้าเอฟทีจะเท่ากับงวดที่ผ่านๆมา .–สำนักข่าวไทย
