กรุงเทพฯ 14 ก.ค.-FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ลดลง 23.1% อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” ครั้งแรกในรอบ 10 เดือน เหตุนักลงทุนห่วง FED ขึ้นดอกเบี้ยแรง เพื่อแก้เงินเฟ้อ ทำเศรษฐกิจถดถอย ซ้ำห่วงการระบาดโควิด สายพันธ์ ใหม่ BA.4 และ BA.5
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย FETCO เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index ) หรือ ICI ในเดือนมิถุนายน 2565 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 64.57 ปรับตัวลดลง 23.1% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” เป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน โดยนักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือ เงินทุนไหลเข้า และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ที่อาจนำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจถดถอย (Recession) รองลงมาคือ ภาวะเงินเฟ้อจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และความกังวลต่อสถานการณ์ COVID-19 Omicron สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนมิถุนายน 2565 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
- ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (กันยายน 2565) อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” (ช่วงค่าดัชนี 40-79) ลดลง 23.1% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 64.57
- ความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับ “ซบเซา” ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศอยู่ในระดับ “ทรงตัว”
- หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD)
- หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)
- ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว
- ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED
ผลสำรวจ ณ เดือนมิถุนายน 2565 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่าความเชื่อมั่นนักลงทุนกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับลด 33.9% อยู่ที่ระดับ 69.57 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลด 25.9% อยู่ที่ระดับ 55.56 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับขึ้น 5.9% อยู่ที่ระดับ 87.50 และความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับลด 4.8% มาอยู่ที่ระดับ 57.14
ในช่วงเดือนมิถุนายน 2565 SET Index เคลื่อนไหวในกรอบแคบอยู่ระหว่าง 1,557.61-1,660.01 จากความกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลก และความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่สภาวะถดถอยมากขึ้น หลังประธาน FED และประธาน ECB ส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ ทำให้ในเดือนมิถุนายน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 29,990 ล้านบาท เป็นการขายสุทธิในเดือนแรกหลังจากซื้อสุทธิมาตลอดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 อย่างไรก็ตาม ตลาดไทยยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ภาครัฐประกาศมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นของราคาพลังงานและมาตรการหนุนภาคท่องเที่ยว ส่งผลให้ SET index ปิดที่ 1,568.33 จุด ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 ปรับตัวลดลง 5.7% จากเดือนก่อนหน้า
สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ แนวทางการรับมือของ FED ต่อสถานการณ์เงินเฟ้อหลังอัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี ความไม่แน่นอนของสงครามรัสเซียยูเครน ซึ่งยังคงเป็นความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านพลังงานในยุโรป รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. สถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงจากราคาพลังงานในตลาดโลกและราคาวัตถุดิบในประเทศ และสถานการณ์การระบาด COVID-19 Omicron สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5.-สำนักข่าวไทย