กรุงเทพฯ 6 ก.ค.-ก.พลังงาน ย้ำค่าการตลาดน้ำมันไม่สูงมาก ยังอยู่ในกรอบที่ภาครัฐติดตามดูแลโดยต้องดูค่าเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ ส่วนสำรองน้ำมัน ธพ.หารือโรงกลั่น เล็งเพิ่มสำรองตามกฎหมาย
นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีข้อวิจารณ์ ค่าการตลาดน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ โดยมีการเปรียบเทียบราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นกับค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2565 กับปัจจุบัน ที่ราคาหน้าโรงกลั่นปรับลดลง แต่ค่าการตลาดปรับสูงขึ้นนั้น กระทรวงพลังงานขอชี้แจงว่า จากแนวทางการพิจารณาค่าการตลาดอ้างอิงของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานนั้น ต้องดูภาพรวมของทุกชนิดน้ำมัน เพราะสถานีบริการไม่ได้จำหน่ายน้ำมันเพียงชนิดเดียว และไม่ควรเปรียบเทียบค่าการตลาดเป็นรายวัน เนื่องจากราคาเนื้อน้ำมันมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงทุกวันตามราคาตลาดโลก โดยหากพิจารณาในปีนี้ค่าเฉลี่ยของค่าการตลาดในแต่ละเดือนก็อยู่ในกรอบที่ภาครัฐติดตามดูแล
ทั้งนี้ หากพิจารณาค่าการตลาดโดยรวมของสถานีบริการ (เฉลี่ยของทุกชนิดน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซล) ตั้งแต่วันที่ 1-6 กรกฎาคม 2565 อยู่ที่ 2.17 บาทต่อลิตร ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของปี 2564 ทั้งปี (2.14 บาทต่อลิตร) และอยู่ในกรอบที่ภาครัฐติดตามดูแล (2.00 +/- 0.40 บาทต่อลิตร)
สำหรับค่าการตลาด คือ รายได้ของผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันที่ยังไม่ได้หักค่าดำเนินการ ค่าขนส่งน้ำมันจากคลังมาหน้าสถานีบริการ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพนักงาน รวมถึงค่าใช้จ่าย ๆ อื่น ๆ เช่น ค่าเช่าที่ดิน ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ และค่าการตลาดของผู้ให้บริการแต่ละรายก็ไม่เท่ากัน ค่าการตลาดที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเผยแพร่เป็นค่าการตลาดอ้างอิงที่มาจากการคำนวณเพื่อใช้ในการติดตามดูแลกรอบค่าการตลาด
กระทรวงพลังงานขอย้ำว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ภาครัฐได้ติดตามสถานการณ์ และใช้หลายมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นให้กับประชาชน ในสภาวะปัจจุบันที่เกิดวิฤตการณ์ด้านราคาพลังงานทั่วโลก ทั้งนี้ ในส่วนของประชาชนสามารถบริหารจัดการการใช้รถยนต์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตามความเหมาะสมและจำเป็นของแต่ละบุคคล เช่น ใช้รถเท่าที่จำเป็น ศึกษาเส้นทางก่อนการเดินทาง หากเป็นไปได้ หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่การจราจรติดขัด ตรวจสภาพรถตามที่ค่ายรถยนต์กำหนด
ส่วนเรื่องเพิ่มสำรองน้ำมันของประเทศ ตามที่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานระบุนั้น ในขณะนี้ กรมธุรกิจพลังงานกำลังหารือกับโรงกลั่นน้ำมัน คาดว่าจะมีข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ เพราะกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อ จึงมีการหารือเพื่อเพิ่มความมั่นคงแต่ก็ต้องไม่กระทบต้นทุนและราคาน้ำมันของประชาชนจนมากเกินไป
สำหรับปัจุบัน สำรองน้ำมันทางกฎหมาย ในส่วนของโรงกลั่นน้ำมันอยู่ทึ่ร้อยละ 4 หรือประมาณ 14.5 วัน สำรองน้ำมันสำเร็จรูปของผู้ค้าน้ำมันอยู่ที่ร้อยละ 1 หรือ 3.5 วัน รวมแล้ว 18 วัน ในขณะที่หากรวมสำรองของ working stock และน้ำมันช่วงการขนส่งแล้ว ก็จะส่งผลให้ประเทศมีสำรองรวม 60-70 วัน .–สำนักข่าวไทย