กรุงเทพฯ 5 ก.ค.- กรมวิชาการเกษตร เตรียมประกาศผลประกวดสุดยอดกาแฟไทยปี 2565 วันที่ 15 ก.ค. นี้ ลุ้นการแข่งขันโค้งสุดท้ายสุดเข้มข้น กรรมการมุ่งคัดสรรสุดยอดเมล็ดกาแฟอะราบิกาและโรบัสตาคุณภาพดีทั้งกลิ่นและรสชาติชั้นเลิศ ดันกาแฟอัตลักษณ์ไทยสู่เวทีกาแฟระดับโลก
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่า ในปี 2565 นี้ กรมวิชาการเกษตรได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศในโครงการประกวดสุดยอดกาแฟไทยเป็นปีที่ 2 ซึ่งเป็นการดำเนินงานร่วมกันของกรมวิชาการเกษตรกับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สมาคม และภาคีเครือข่ายภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกาแฟ ดำเนินการจัดการประกวดสุดยอดกาแฟไทย
สำหรับการจัดการประกวดสุดยอดกาแฟไทย ปี 2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพดี ตั้งแต่ต้นทางการปลูกกาแฟ รวมถึงรสชาติกาแฟจนได้เป็นเมล็ดกาแฟไทยเกรดพิเศษ อีกทั้งเป็นการรณรงค์ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการสวน การผลิตกาแฟตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำตลอดห่วงโซ่การผลิต ถือเป็นการยกระดับคุณภาพกาแฟไทยให้มีอัตลักษณ์ของกาแฟเฉพาะถิ่น คุณภาพดีเป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมทั้งสามารถเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ และความยั่งยืนแก่เกษตรกรไทย
กรมวิชาการเกษตรได้สนับสนุนการจัดการประกวดเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท และยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐและภาคีภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกาแฟให้การสนับสนุนเพิ่มเติม อาทิ การประชาสัมพันธ์การประกวดและผู้ชนะเลิศ การประมูลสิ่งประกวดที่ชนะเลิศ 1-10 อันดับ รวมถึงการจัดโรดโชว์ส่งเสริมประชาสัมพันธ์เอกลักษณ์กาแฟไทยสู่กาแฟคุณภาพดีระดับโลก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะมีการประกาศผลรางวัลสิ่งประกวดที่มีคะแนนสูงสุดของแต่ละประเภทภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2565 และจัดให้มีพิธีรับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัลในวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 โดยได้รับเกียรติจากนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี ณ โรงแรมโนโวเทล
สำหรับรางวัลและประกาศนียบัตรในปีนี้แบ่งเป็น 3 รางวัล คือ รางวัลที่ 1 มี 4 รางวัล ได้แก่ สิ่งประกวดที่มีคะแนนสูงที่สุดในแต่ละประเภท จะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานพร้อมเงินรางวัล จำนวน 50,000 บาท รางวัลที่ 2 มี 4 รางวัลได้แก่ สิ่งประกวดที่มีคะแนนรองลงมาจากรางวัลที่ 1 ในแต่ละประเภท พร้อมเงินรางวัล จำนวน 30,000 บาท รางวัลที่ 3 มี 4 รางวัล ได้แก่ สิ่งประกวดที่มีคะแนนรองลงมาจากรางวัลที่ 2 ในแต่ละประเภท พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาทรวมถึงสิ่งประกวดทุกประเภทที่เข้าทดสอบคุณภาพด้านประสาทสัมผัส จะได้รับประกาศนียบัตรจากกรมวิชาการเกษตร แบ่งเป็น 3 ระดับ ตามเกณฑ์ได้รับรางวัลตามมาตรฐานการตัดสินของสมาพันธ์กาแฟโลก (Specialty Coffee Association : SCA) คือ ประกาศนียบัตรเหรียญทอง ประเภทคุณภาพกาแฟระดับโดดเด่น (Outstanding) ระดับคะแนน 90–100 ประกาศนียบัตรเหรียญเงิน ประเภทคุณภาพกาแฟระดับยอดเยี่ยม (Excellent) ระดับคะแนน 85–89.99 และประกาศนียบัตรเหรียญทองแดง ประเภทคุณภาพกาแฟระดับดีมาก (Very Good) ระดับคะแนน 80–84.99
“ความพิเศษของการประกวดครั้งนี้คือ ผู้ชนะที่มีคะแนนสูงสุดของแต่ละประเภทจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล อีกทั้งกาแฟของผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 5 อันดับแรกของแต่ละประเภท จะได้รับสิทธิพิเศษในการนำผลิตภัณฑ์กาแฟไปประชาสัมพันธ์ร่วมจัดแสดงให้ชิมในงานมหกรรมพืชสวนโลก EXPO 2022 Floriade Almere ณ ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวถือเป็นการประชาสัมพันธ์กาแฟอัตลักษณ์ไทยสู่เวทีกาแฟระดับโลก” อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าว
ในปี 2564-2565 มีแนวโน้มจากสถานการณ์การผลิตกาแฟของไทยลดลง เนื้อที่โดยรวมทั้งประเทศ 217,745 ไร่ ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 4.73 ผลผลิตรวมทั้งประเทศ 21,223 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 2.52 แบ่งเป็นกาแฟอะราบิกา 44% และกาแฟโรบัสตา 56% ซึ่งมีการนำเข้าในปี 2564 แยกเป็นเมล็ดกาแฟดิบ 59,649.73 ตัน กาแฟคั่ว 4,817.11 ตัน กาแฟสำเร็จรูป 2,161 ตัน กาแฟสำเร็จรูปผสม 23,647.09 ตัน การส่งออกเมล็ดกาแฟ 376.65 ตัน กาแฟคั่ว 229.50 ตัน กาแฟสำเร็จรูป 7,449.66 ตัน กาแฟสำเร็จรูปผสม 6,801.19 ตัน โดยกรมวิชาการเกษตรเล็งเห็นว่า กาแฟไทยต้องได้รับการส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ผลิตกาแฟคุณภาพดีอย่างครบวงจร และมีอัตลักษณ์กาแฟเฉพาะถิ่นที่สามารถพัฒนายกระดับมาตรฐานกาแฟไทยสู่เวทีกาแฟสากลระดับโลกต่อไป.-สำนักข่าวไทย