กรุงเทพฯ 4 ก.ค.- เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ขานรับลดโลกร้อนหนุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชนหลังรัฐเพิ่มอัตรารับซื้อไฟฟ้าเป็น 2.20 บาทต่อหน่วย ลูกบ้านยื่นสิทธิ์ขายไฟเพิ่มขึ้น แต่ต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงหลังแผงโซลาร์ฯ พุ่ง
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือเสนา (SENA) เปิดเผยว่า จากอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือเอฟทีปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่งวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค. 65) จะปรับขึ้นต่อ ทำให้ค่าไฟรวมเฉลี่ยที่ประชาชนจ่าย 4 บาทต่อหน่วย ประกอบกับโครงการโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชนที่รัฐได้ปรับอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจาก 1.68 บาทต่อหน่วย เป็น 2.20 บาทต่อหน่วย จึงทำให้ประชาชนหันมาสนใจโซลาร์รูฟท็อปมากขึ้นซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดในไทยเพื่อลดภาวะโลกร้อนที่สอดรับกับเทรนด์ของโลก
“โครงการโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชนรอบใหม่ปี 2565 ที่จะรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินเข้าสู่ระบบ 10 เมกะวัตต์ จากประเภทบ้านที่อยู่อาศัย และเพิ่มอัตรารับซื้อไฟมีส่วนสำคัญที่จะทำให้คนสนใจเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมไปถึงโครงการหมู่บ้านของเสนา เพราะตอบโจทย์การประหยัดไฟฟ้าที่ทิศทางมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่องและอัตรารับซื้อไฟที่สูงทำให้ความคุ้มค่าในการติดตั้งมีมากขึ้นหากเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่หากรัฐจะส่งเสริมให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ก็ควรเปลี่ยนหลักการเป็นการผลิตไฟจากโซลาร์ฯ เท่าไรที่ใช้ เมื่อเหลือใช้จะได้รับค่าไฟฟ้าเท่ากับที่จ่าย นอกจากนี้ยังมีระเบียบต่าง ๆ ที่ยังเป็นข้อจำกัด เช่น ความสามารถในการรับไฟฟ้าส่วนเกินของหม้อแปลงที่จำกัดไม่เกิน 15% เป็นต้น” ดร.เกษรา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับตัวแปรสำคัญ การติดตั้งปัจจุบันที่ต้องติดตามคือ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากแผงโซลาร์ฯ ที่ปรับขึ้นจากที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 25 เซนต์ต่อวัตต์ ล่าสุดขยับมาสู่ 30 เซนต์ต่อวัตต์ ซึ่งเป็นผลจากความต้องการทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น แต่จีนในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกได้ลดการผลิตลง ประกอบกับค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงการนำเข้าจึงต้องจ่ายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงทิศทางดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นทำให้การผ่อนติดตั้งโซลาร์ (ไฟแนนซ์) แพงขึ้นอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้พิจารณาการปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากกับโครงการติดโซลาร์ฯ เพราะต้องดำเนินการในทิศทางการเดินหน้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน “Carbon neutrality” เช่นกัน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มาสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์ในโครงการ
ปัจจุบันเสนาฯ ได้ติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปให้กับลูกบ้านทุกโครงการ ทั้งประเภทบ้านที่อยู่อาศัย และคอนโดมิเนียมบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง มีบ้านที่ติดตั้งโซลาร์แล้วจำนวน 47 โครงการ แบ่งเป็นแนวสูง 22 โครงการ และแนวราบ 25 โครงการ รวมกว่า 700 หลังคาเรือน คิดเป็นการผลิตไฟกว่า 2,000 กิโลวัตต์
“ลูกบ้านของเสนาฯ ยังสามารถขายไฟฟ้าที่เหลือจากการใช้คืนให้กับภาครัฐ โดยเสนาฯ เตรียมยื่นขอสิทธิ์ให้กับลูกบ้านในโครงการที่พร้อมเสนอขายไฟส่วนเกินภายใต้โครงการโซลาร์ภาคประชาชนในปีนี้เพิ่มเติมจากก่อนหน้าที่ยื่นขอสิทธิ์ไปแล้ว ขณะเดียวกันยังยู่ระหว่างการทดลองโครงการ ERC Sandbox กับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อพัฒนานวัตกรรมในธุรกิจพลังงานสะอาด” ดร.เกษรา กล่าว.-สำนักข่าวไทย