กรุงเทพฯ 28 มิ.ย. – ประธานศูนย์ข้าวชุมชนในจังหวัดอุตรดิตถ์เกรงว่า อาจเกิดการทุจริตเชิงนโยบายจากการที่กรมการข้าวขอจัดสรรงบประมาณปี 2566 ในโครงการยกระดับ “ศูนย์ข้าวชุมชน” เพิ่มกว่า 15,000 ล้านบาท โดยเขียนของบประมาณเพื่อสนับสนุนศูนย์ข้าวชุมชน 5,000 ศูนย์ จากที่มีจริงเพียง 2,000 กว่าศูนย์จึงตั้งข้อสังเกตว่า จะเร่งรีบจัดตั้งเพิ่มเพื่อมารองรับงบประมาณ ชี้ควรให้เฉพาะศูนย์ข้าวชุมชนที่เข้มแข็งเพื่อใช้งบประมาณส่วนที่เหลือสนับสนุนเกษตรกร 4.6 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศอย่างทั่วถึง
นายอัษฎางค์ สีหาราช ประธานศูนย์ข้าวชุมชนตำบลคอรุมและประธานนาแปลงใหญ่ ตำบลคอรุม อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์กล่าวว่า การที่กรมการข้าวขอรับการสนับสนุนงบประมาณในปี 2566 เพิ่มขึ้นกว่า 15,000 ล้านบาทเพื่อใช้โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรผู้ปลูกข้าวของ “ศูนย์ข้าวชุมชน” ศูนย์ละ 1-4 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร และค่าซ่อมแซมเครื่องจักรกลนั้น มีความน่าเป็นห่วงหลายประการ
สำหรับศูนย์ข้าวชุมชนทั่วประเทศมี 2,478 แห่ง แต่อธิบดีกรมการข้าวระบุว่า มีเป้าหมายสนับสนุนงบประมาณไปยังศูนย์ข้าวชุมชน 5,000 ศูนย์จึงตั้งข้อสังเกตว่า จะเร่งรัดจัดตั้งศูนย์ข้าวชุมชนขึ้นมาเพิ่มเพื่อรองรับงบประมาณที่ตั้งไว้หรือไม่ หวั่นใจว่า จะเกิดการทุจริตเชิงนโยบาย นอกจากนี้ 2,478 ศูนย์ที่มีอยู่ ไม่ได้เข็มแข็งทุกศูนย์ ที่ผ่านมาศูนย์ข้าวชุมชนซึ่งมีวัตถุประสงค์การจัดตั้งคือ เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยกรมการข้าวให้ยืมเครื่องจักรกล ได้แก่ เครื่องคัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ข้าวและเครื่องอบลดความชื้น รวมถึงถุงบรรจุเมล็ดพันธุ์ข้าว ที่น่ากลัวคือ หากในโครงการนี้ กรมการข้าวจัดซื้อเครื่องจักรกลเองจะได้คุณภาพไม่ดี เหมือนปีที่ผ่านมา กรมการข้าวจัดซื้อเครื่องคัดแยกเมล็ดพันธุ์ 200 เครื่อง ส่วนใหญ่ต่ำกว่ามาตรฐาน

นายอัษฎางค์กล่าวต่อว่า แม้ตนเองจะเคยเป็นประธานศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศและปัจจุบันยังเป็นประธานศูนย์ข้าวชุมชนในจังหวัดอุตรดิตถ์ แต่มองว่า การใช้งบประมาณของกรมการข้าวที่มีหน้าที่ดูแลชาวนาซึ่งมีอยู่ 4.6 ล้านครัวเรือนควรทำอย่างทั่วถึง ไม่ควรดูแลเฉพาะกลุ่ม โดยชาวนาที่เป็นสมาชิกศูนย์ข้าวชุมชนมีอยู่ 120,000 ครัวเรือน จึงอยากให้มีการทบทวนโครงการที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณไปเพื่อให้เกิดการใช้งบประมาณแบบมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประธานศูนย์ข้าวชุมชนนครปฐม ประธานศูนย์ข้าวชุมชนนครราชสีมา และประธานเครือข่ายชาวนาเพื่อการพาณิชย์ การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมแห่งชาติเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยนำหลักฐานผลการตรวจสอบเครื่องคัดทำความสะอาดเมล็ดพันธุ์ข้าวที่กรมการข้าวจัดซื้อด้วยเงินงบประมาณปี 2563 เพื่อส่งให้ศูนย์ข้าวชุมชนทั่วประเทศ จำนวน 200 เครื่อง มูลค่าเครื่องละ 2.5 แสนบาท ซึ่งเมื่อทดสอบพบว่า มาตรฐานต่ำจึงนำหลักฐานมามอบพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต.-สำนักข่าวไทย