กรุงเทพฯ 28 มิ.ย.- “ประภัตร” สั่งตรวจสอบที่มางบกรมการข้าวปี 2566 มากกว่าปีที่ผ่านมา ถึง 15,000 ล้านบาท มึนกับการกำกับดูแลกรมการข้าว แต่อธิบดีไม่เคยเสนอเรื่องให้ทราบ คาดโทษหนัก หากพบส่อไม่โปร่งใส ฟันไม่เลี้ยง
นายรัฐชทรัพย์ นิชิด้า ประธานคณะที่ปรึกษาของนายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า นายประภัตรให้ตรวจสอบที่มางบประมาณปี 2566 ของกรมการข้าว จากกรณีข่าว นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ. 2566 ตั้งข้อสังเกตการเสนอกรอบการของบประมาณ ประจำปี 2566 หลายหน่วยงานส่อถึงการทำทุจริต โดยในส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ระบุถึงกรมการข้าวซึ่งมีนายประภัตรกำกับดูแล พร้อมชี้ว่า ที่ผ่านมาได้รับจัดสรรประมาณปีละกว่า 1,000 ล้านบาท ปี พ.ศ. 2565 ได้รับจัดสรร 2,000 ล้านบาท แต่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพิ่มมากถึง 15,000 ล้านบาท โดยรวมกรมการข้าวได้ 17,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการผิดวิสัยอย่างยิ่งของการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินนั้น
นายรัฐชทรัพย์ กล่าวว่า นายประภัตรมอบหมายและสั่งการให้ตนดำเนินการตรวจสอบทุกโครงการที่หน่วยงานในกำกับดูแล ได้แก่ กรมการข้าว กรมปศุสัตว์ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และองค์การสะพานปลา ที่นำเสนอของบประมาณทั้งหมด เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร โดยเฉพาะกรมการข้าว ซึ่งจะตรวจสอบว่ามีความเป็นมาอย่างไร โดยเฉพาะที่มีการอ้างถึงการปรับเปลี่ยนโครงการสนับสนุน เรื่องของการลดต้นทุนด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ใช้งบประมาณถึง 15,260 ล้านบาท เพื่อใช้อุดหนุนเกษตรกรผ่านศูนย์ข้าวชุมชน โดยให้นำไปใช้จัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตจากหลายฝ่ายว่า จะเกิดประโยชน์แก่ชาวนาอย่างทั่วถึงจริง ๆ หรือเป็นการให้ประโยชน์กับบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น
ทั้งนี้ นายประภัตร กำชับให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด เนื่องจากที่ผ่านมา แม้จะมีคำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขที่ 1662/2562 เรื่องการมอบหน้าที่ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรสั่งและปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ โดยมอบหมายให้นายประภัตร กำกับดูแลกรมการข้าว แต่เรื่องไม่เคยเสนอโครงการต่าง ๆ ผ่านมายังหน้าห้องรัฐมนตรีที่กำกับดูแลโดยตรง จึงทำให้ไม่ทราบเรื่องงบประมาณที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ดังนั้น ในฐานะประธานที่ปรึกษา รมช.กระทรวงเกษตรฯ ที่กำกับดูแลกรมการข้าวจะทำหนังสือไปยังกรมการข้าวให้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด เพื่อชี้แจงต่อเกษตรกรและประชาชน เนื่องจากการใช้จ่ายงบประมาณจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ หากพบว่า โครงการดังกล่าวมีประโยชน์จะได้เสนอดำเนินการต่อไป หากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์จะให้ทบทวน รวมทั้งหากพบว่า ดำเนินการไม่ถูกต้องต่อระเบียบปฏิบัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยใช้มาตรการทางวินัยและมาตรการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาด ตามนโยบายและมาตรการการป้องกันปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ทุกส่วนราชการต้องนำไปปฏิบัติและเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้มีการแก้ไขและป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วนต่อไป.-สำนักข่าวไทย