พาณิชย์ยอมให้สินค้าปุ๋ยเคมีทุกสูตรปรับราคาตามต้นทุนที่แท้จริง

นนทบุรี 24 มิ.ย.-กรมการค้าภายในอนุมัติให้สินค้าปุ๋ยเคมีทุกสูตรปรับขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริง หลังเจอพิษสงคราม 2 ประเทศที่ไทยนำเข้าวัตถุดิบ 100% ส่วนสินค้าอื่น ๆ ยังไม่อนุมัติ แต่หากสินค้าใดกระทบมากปล่อยให้ขึ้นได้บ้างเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ พร้อมจับมือหอการค้าไทย เจรจาผู้ซื้อจากซาอุดีอาระเบียกว่า 100 ราย นำเข้าปุ๋ยราคาพิเศษเพิ่มอีกรวม 3 ราย กว่า 8 แสนตัน ช่วยเกษตรกรไทย


นายจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายในกล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมการค้าภายในได้อนุมัติให้กลุ่มสินค้าปุ๋ยเคมีทุกสูตรปรับราคาขึ้น ณ หน้าโรงงานตามต้นทุนที่แท้จริง หลังจากกลุ่มสินค้านี้ถือว่าเป็นการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศมา 100% ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามรัสเซียและยูเครน โดยรัสเซียเป็นประเทศที่ไทยนำเข้าปุ๋ยเคมีค่อนข้างมาก และยังได้รับผลกระทบด้านอื่น ๆ อีก ดังนั้น กรมฯ จึงเห็นว่ากลุ่มสินค้านี้ได้รับผลกระทบจริงและมากพอควร จึงได้อนุมัติให้ปรับราคาสินค้าปุ๋ยเคมีขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริง ขณะที่สินค้าอุปโภคและบริโภคอื่น ๆ ที่ขอปรับราคาสินค้าขึ้น กรมฯ ยังไม่มีการให้ปรับขึ้นแต่อย่างใด โดยเห็นว่าแม้ต้นทุนวัตถุดิบอื่น ๆ จะขยับขึ้นไปบ้าง แต่เมื่อวิเคราะห์ชนิดสินค้าออกมาได้ยังไม่สูงขึ้นไปมาก จึงขอให้ตรึงสินค้าต่อไปก่อนเพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากากระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในมีการติดตามราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพอย่างใกล้ชิด หากสินค้าชนิดใดพอที่จะช่วยเหลือประชาชนได้ก็จะขอให้ตรึงไปก่อน แต่หากสินค้ารายการไหนแบกรับไม่ไหวก็จะอนุมัติให้ปรับขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริง เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้บนพื้นฐานไม่เอารัดเอาเปรียบกันและกัน


ทั้งนี้ ส่วนประเด็นค่าการกลั่นน้ำมันที่มีหลายคนยังสับสนบทบาทหน้าที่ของกระทรงพาณิชย์นั้น โดยนายกรัฐมนตรีท่านได้ลงมาบริหารจัดการเอง ซึ่งจะมีคณะทำงานมาดูแลเรื่องความมั่นคงทางพลังงานโดยเฉพาะ และเรื่องค่าการกลั่น ค่าการตลาด อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงพลังงาน เพราะมีกฎหมายเฉพาะที่ให้อำนาจอยู่หลายฉบับที่มีความชัดเจน รวมทั้งมีคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ระบุชัดเจนด้วยว่าเป็นอำนาจหน้าที่ในส่วนของกระทรวงพลังงาน ไม่ได้แปลว่าจะตัดภาระความรับผิดชอบ แต่การบริหารราชการแผ่นดินทุกอย่างจะสั่งการอะไรได้ ดำเนินการอะไรได้ ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนไหนที่กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจมีหน้าที่ยินดีที่จะดำเนินการและขณะนี้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เช่น ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ตาม พ.ร.บ.ชั่งตวงวัด ซึ่งกำหนดอำนาจหน้าที่ให้กับกระทรวงพาณิชย์ชัดเจน ตราบเท่าที่เขาไม่มีกฎหมายเฉพาะของเขาเอง เช่น กรณีของการกำหนดให้การขายปลีกน้ำมันต้องมีการติดป้ายแสดงราคาไว้ที่หน้าปั๊มน้ำมัน และในเรื่องของการจ่ายน้ำมันที่หัวจ่ายที่ปั๊มน้ำมัน ถือเป็นเครื่องชั่งตวงวัดประเภทหนึ่ง กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปตรวจดูแลไม่ให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภค ถ้าพบจะดำเนินการตามกฎหมาย เช่น หัวจ่ายไม่ตรง ก็จะมีความผิดซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เหลือภารกิจกำหนดว่าการขายปลีกต้องปิดป้ายแสดงราคาที่ปั๊มน้ำมันและภารกิจตรวจหัวจ่ายให้ตรง ห้ามโกงประชาชน ถ้าใครสงสัยปั๊มน้ำมันปั๊มนี้หัวจ่ายไม่ตรง แจ้งสายด่วน 1569 ได้ กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งมีการตรวจหัวจ่ายเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งกรณีที่นายกรณ์ หัวหน้าพรรคกล้าออกมาระบุกระทรวงพาณิชย์มีกฎหมายดูแลค่าการกลั่นได้นั้น ตนได้ชี้แจงไปแล้ว แต่เรื่องคุณกรณ์จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ตนไม่ไปประเมินเพราะตนได้ชี้แจงอธิบายชัดเจนหลายครั้งแล้ว แต่ตอนหลังดูเหมือนจะเปลี่ยนประเด็นไปแล้ว คือเรื่องของการที่จะบอกว่าการกำหนดค่าการกลั่นเป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ ดูเหมือนจะไม่พูดแล้ว แต่ไปพูดว่าของแพงหรือราคาสินค้าเป็นหน้าที่กระทรวงพาณิชย์แทน

อย่างไรก็ตาม ตนไม่ปฏิเสธถ้าในเรื่องของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่อยู่ในอำนาจกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ดูแลมาตลอด ยกเว้นค่าการกลั่นซึ่งไม่ใช่ภารกิจที่กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจ แม้อยากทำก็ไปสั่งไม่ได้ เพราะโรงกลั่นคงไม่ฟังกระทรวงพาณิชย์ เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และอาจเป็นการทำผิดกฎหมายด้วย


นายจุรินทร์กล่าวภายหลังประชุมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย ในโอกาสที่คณะนักธุรกิจซาอุดีฯ เดินทางเยือนไทย โดยเป็นการประชุมหารือเป็นกรณีพิเศษในการนำเข้าปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้เชิญภาคเอกชนมาประชุมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเตรียมการนำเข้าปุ๋ยอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากท่านนายกรัฐมนตรีนำคณะภาครัฐและเอกชนเปิดสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียมีความคืบหน้า ทั้งการค้าและการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนำคณะไปเยือนซาอุดีอาระเบีย จากนี้ไป จะเป็นกิจกรรมเชิงลึกด้านการค้าที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้ามามีบทบาทเพิ่มเติมต่อไป

อย่างไรก็ตาม ปกติประเทศไทยนำเข้าปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบียผ่านบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดคือ บริษัท SABIC (Saudi Basic Industries Corporation) ซึ่งมีผลผลิตปุ๋ยยูเรียปีละ 2.2 ล้านตันต่อปี และประเทศไทยเป็นลูกค้ารายสำคัญของบริษัท ข่าวดี ขณะนี้ทางการซาอุดีอาระเบียเปิดโอกาสให้บริษัทที่ผลิตปุ๋ยของซาอุฯ อีก 2 บริษัทสามารถเจรจาขายปุ๋ยให้กับประเทศไทยได้ จะมี 3 บริษัทใหญ่นอกจาก บริษัท SABIC จะมีบริษัท MA’ADEN (Saudi Arabian Mining Co.) และบริษัท ACO group ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ Alim Investment Co. Ltd. Saudi Arabia ซึ่งเป็นผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ลำดับต้นของซาอุดีอาระเบีย ประเทศไทยมีการรวบรวมตัวเลขผ่านสภาหอการค้าและสมาคมการค้าปุ๋ยไทย เบื้องต้นมีความประสงค์ซื้อปุ๋ยจากซาอุดีอาระเบียรวม 8 แสนตัน เป็นยูเรีย 5.9 แสนตัน ปุ๋ยฟอสเฟต 1.93 แสนตัน และปุ๋ยโพแทสเซียม 2.5 หมื่นตัน และในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะจัด Business Matching จับคู่ธุรกิจให้มีการพบกันระหว่างผู้ส่งออกปุ๋ยรายใหญ่ 3 รายของซาอุฯ กับผู้นำเข้าปุ๋ยของไทยทั้งหมดที่สนใจ ช่วยให้การเจรจาซื้อปุ๋ยจากซาอุฯ เป็นรูปธรรม เพื่อแก้ปัญหาทั้ง 2 ข้อ 1. ให้ประเทศไทยมีปริมาณปุ๋ยพอใช้สำหรับเกษตรกร มีหลักประกันมากขึ้นเพราะมีแหล่งนำเข้าพิเศษเพิ่มเติม และ 2. เรื่องของราคาให้เป็นหน้าที่ของเอกชนเจรจาหวังว่าจะได้ต้นทุนที่ต่ำลงเป็นกรณีพิเศษจากความสัมพันธ์ที่มีต่อกันต่อไป

นอกจากนี้ ภาคเอกชนของซาอุดีอาระเบียจะเดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยมีหอการค้าไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ เพื่อตอบรับกิจกรรมการค้าการลงทุนระหว่างกันในช่วง วันที่ 4-6 ก.ค. 65 สำหรับกระทรวงพาณิชย์ จะจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจให้ระหว่างผู้นำเข้าของซาอุดีอาระเบียที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 100 ราย และผู้ส่งออกไทยร่วมกิจกรรมไม่ต่ำกว่า 120 ราย ที่ห้างไอคอนสยาม เพื่อจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างกัน หวังว่าจะเพิ่มยอดตัวเลขการส่งออกของไทยไปซาอุฯ มากขึ้น ซึ่งจะมีสินค้าที่มีความหลากหลาย ทั้งสาขาโทรคมนาคม ไอที ท่องเที่ยว อัญมณี อาหาร เสื้อผ้า แฟชั่น สุขภาพความงาม และบริการโลจิสติกส์ ด้านอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]

“ปราสาทตาเมือนธม” วุ่น ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย

กทม. 15 ก.ค.-ทบ.อยู่ระหว่างตรวจสอบปมความวุ่นวาย “ปราสาทตาเมือนธม” หลังมีข่าวทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย ด้าน มทภ.2 ยันสถานการณ์ปกติ อย่าตื่นตระหนก 15 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล หลังเกิดเหตุความไม่เรียบร้อยที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ จากกรณีหญิงชาวกัมพูชา ตะโกนใส่ทหารไทยว่าล้ำเส้นเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา และมีการทะเลาะกันเสียงดัง ทำให้ทหารไทยและทหารกัมพูชาที่อยู่ในจุดนั้นต้องเข้ามาห้าม แต่เหตุการณ์ลุกลาม ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย วิ่งเข้ามาในบริเวณฝั่งไทย ตรงบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม ทางด้านทหารไทยก็ได้เข้าไปอยู่ในจุดดังกล่าวด้วย โดยสถานการณ์มีการผลักอกกัน ตะโกนโวยวาย ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แจงว่า ปราสาทตาเมือนธม เหตุการณ์ปกติ ไม่มีอะไร ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ.-313.-สำนักข่าวไทย