กรุงเทพฯ 23 มิ.ย.- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลวิเคราะห์ “10 ธุรกิจเด่น ครึ่งปีหลัง 2565” จากกระแสผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ เริ่มปฏิบัติงานและความต้องการซื้อสลากดิจิทัลแรง รวมถึงกระแสกัญชงและกัญชาทำให้เกิดคนรุ่นใหม่จะหันมาทำธุรกิจผ่านสื่อด้านต่างๆ เพิ่มขึ้น แม้กระแสสงครามรัสเซียและยูเครนไม่รู้จบเมื่อใด ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งก็ตาม แต่คนรุ่นใหม่เชื่อช่องทางทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ มีโอกาสสูง
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยถึงเผยผลวิเคราะห์ “10 ธุรกิจเด่น ครึ่งปีหลัง 2565” แม้จะอยู่ในช่วงสงคราม 2 ประเทศ ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ ปัญหาโควิดแม้เบาบางแต่หลานประเทศ รวมถึงไทยจะต้องระวังกันอยู่ แต่สิ่งที่เห็นว่า 10 ธุรกิจที่เริ่มดีขึ้นในช่วงหลังจากนี้ไป ได้แก่
- ธุรกิจการแพทย์และความงามโดยเน้นธุรกิจที่ทำการซื้อขายผ่านอิเล็กทรอนิกส์
- ธุรกิจแพลตฟอร์มต่างๆ
- ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
- ธุรกิจด้านกีฬา
- ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ต่างๆ โดยเฉพาะการรีวิวสินค้า
- ธุรกิจด้านเวชภัณฑ์และทางการแพทย์รวมไปถึงธุรกิจจัดงานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า
- ธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์
- ธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่
- ธุรกิจสถานบันเทิงและธุรกิจยานยนต์
- ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์แนวราบ และธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
ทั้งนี้ ในเหตุผลหลักที่ทำให้ 10 ธุรกิจเด่นในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะดีขึ้น ได้แก่ กระแสการตื่นตัวของคนกรุงเทพมหานครที่ได้นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าคนใหม่ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ยังมีอยู่ เช่น ปัญหาน้ำท่วม ปัญหารถติดและอื่นๆที่คน กทม. ส่วนใหญ่ต้องการเห็น ผู้ว่าฯ คนใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ดีขึ้นหลังจากนี้ไป และกระแสการตอบรับการซื้อสลากดิจิตอลในราคา 80 บาท ในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ ที่หมดลงเพียงระยะเวลาอันสั้น การคลี่คลายให้ธุรกิจบางประเภทเปิดบริการหลังจากเห็นว่าปัญหาการแร่ระบาดโควิดในประเทศเบาบางลงแม้ว่าจะยังไม่หมดไป แต่เริ่มปรับตัวดีขึ้นได้ โดยกระแสเหล่านี้ ทำให้คนรุ่นใหม่เห็นช่องทางทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นไปได้สูง หลังจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากปัญหาแพร่ระบาดโควิดทำให้ธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เพิ่มมากขึ้น จึงเห็นว่าน่าจะเป็นโอกาสที่จะเริ่มทำธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ได้
นอกจากนี้ ทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมองเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น ซึ่งหลายปัจจัยที่ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการเปิดประเทศทำให้ธุรกิจต่างๆเริ่มขานรับโดยเฉพาะธุรกิจบริการและท่องเที่ยวที่จะดีขึ้นหลังจากนี้ ซึ่งทำให้คนเริ่มจับจ่ายใช้สอยซื้อหาสินค้าคงทน เช่น บ้านในแนวราบ รถยนต์และอื่นๆ เพื่อสอดรับกับเศรษฐกิจที่จะกลับมาดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้
ทั้งนี้ แต่สิ่งที่ประชาชนยังกังวลใจอยู่มาก จากเหตุสงครามรัสเซียและยูเครนที่มองว่าจะยืดเยื้อยาวนานส่งผลให้ราคาน้ำมันและพลังงานทั่วโลกรวมถึงไทยอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกแน่นอน ซึ่งในเดือน ก.ค.นี้ จะหมดมาตรการพยุงราคาน้ำมันโดยเฉพาะดีเซลอาจจะขึ้นไปมากกว่า 40 บาทต่อลิตร และหากเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้คนส่วนใหญ่จะลดการท่องเที่ยวและอยู่กับบ้านมากขึ้น ดังนั้น เหตุผลดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นที่ต้องการ
อย่างไรก็ตาม นอกจาก 10 ธุรกิจเด่นในครึ่งปี 65 แล้ว ในส่วน 10 ธุรกิจดาวร่วงในครึ่งปีหลัง จะประกอบด้วย
- ธุรกิจผลิตโทรศัพท์พื้นฐานและเครื่องโทรสาร
- ธุรกิจฟอกย้อม
- ธุรกิจหัตถกรรมที่ไม่มีการออกแบบและราคาถูก
- ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และวารสาร
- ธุรกิจรับส่งสิ่งพิมพ์ตามบ้านและสถานที่ทำงาน
- ธุรกิจโรงพิมพ์ การพิมพ์ เช่น หนังสือ แผ่นพับ ธุรกิจคนกลาง
- ธุรกิจผลิตและขายต้นไม้ ดอกไม้ประดิษฐ์
- ธุรกิจเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิก
- ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ไร้ฝีมือ หรือเสื้อผ้าโหล ธุรกิจร้านเช่าหนังสือ ขายหนังสือ
- ธุรกิจร้านถ่ายรูปเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย