กรุงเทพฯ 21 มิ.ย.- อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เผยส่งหนังสือถึงกรมที่ดินให้เพิกถอนโฉนด “สุนทร-กนกวรรณ” ซึ่งทับซ้อนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หลังได้รับเอกสารชี้มูลความผิดช่างรังวัดที่ไปขยับแนวเขตป่าเอื้อการออกโฉนด เชื่อกรมที่ดินดำเนินการไม่ล่าช้า จากนั้นจะแจ้งความเอาผิดฐานรุกป่าเพิ่มเติม
นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ได้รับเอกสารจาก ป.ป.ช. ที่ชี้มูลความผิด นายคณิต เพชรประดับ ช่างรังวัด 6 กรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งเมื่อครั้งอยู่ในตำแหน่งช่างรัดวัด 4 กรมป่าไม้ได้ไปขีดและรับรองแนวเขตอุทยานแห่งชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยนอกจากที่ ป.ป.ช. ดำเนินคดีแล้ว ยังระบุว่า เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะพิจารณาโทษทางวินัย
ขณะเดียวกันกรมที่ดินได้ส่งระวางแผนที่โฉนดในพื้นที่ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี มายังกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งระบุพิกัดของโฉนดที่ออกให้ นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ. ปราจีนบุรี และ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า พิกัดของโฉนดทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แน่นอน ดังนั้น จึงเร่งส่งหนังสือถึงกรมที่ดินเพื่อให้เพิกถอนโฉนดดังกล่าว พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ. เมืองปราจีนบุรี ว่าจากเอกสารของ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่รังวัด ซึ่งขยับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จนนำไปสู่การออกโฉนดทับพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กรมอุทยานแห่งชาติฯ จึงจะแจ้งความดำเนินคดีผู้บุกรุกต่อไป
อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เชื่อมั่นว่ากรมที่ดินจะดำเนินการเพิกถอนโฉนดโดยไม่ชักช้า เมื่อโฉนดถูกเพิกถอนแล้วจะแจ้งความดำเนินคดีนายสุนทรและนางกนกวรรณ รวมถึงบุคคลอื่นที่ครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นการแจ้งความฐานบุกรุกและครอบครองพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพิ่มเติมในส่วนที่มีการออกโฉนดเนื้อที่ 100 กว่าไร่ หลังจากที่ได้แจ้งความต่อ สภ.เมืองปราจีนบุรี ไว้ 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกปี 2560 พื้นที่นอกโฉนดเนื้อที่ 1 งาน 29 ตารางวา และครั้งที่ 2 ในปี 2563 พื้นที่นอกโฉนดเช่นกัน เนื้อที่ 11 ไร่กว่า
สำหรับสถานะของคดีที่แจ้งความในปี 2560 พนักงานสอบสวนส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินการเป็นคดีพิเศษ ส่วนคดีที่แจ้งความในปี 2563 พนักงานอัยการไม่สั่งฟ้อง แต่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ไม่เห็นพ้องด้วยกับความเห็นของพนักงานอัยการ จึงส่งความเห็นแย้งไปยังอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณามีคำสั่งชี้ขาด ขณะนี้ยังไม่ทราบผล.-สำนักข่าวไทย