fbpx

Krungthai COMPASS ชี้โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเติบโต

กรุงเทพฯ 21 มิ.ย. – ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ชี้โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจากชีวมวล-ชีวภาพ-ขยะ ขนาดเล็กมากหรือ VSPP มีแนวโน้มเติบโตจากการสนับสนุนของภาครัฐและตามกระแส BCG economy ซึ่งจะสร้างโอกาสการลงทุนแก่วิสาหกิจชุมชน รวมถึงผู้ประกอบการกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฟฟ้า หรือกลุ่มที่มีวัสดุเหลือใช้


ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล-ชีวภาพ-ขยะ มีทิศทางขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากภายหลังการประชุม COP 26 ทำให้ทั่วโลกตื่นตัวแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ วิกฤตพลังงานในปัจจุบันที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ทำให้หลายประเทศรวมถึงไทยมีความกังวลด้านความมั่นคง และราคาพลังงาน โดยเร่งทบทวนแผนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อทดแทนไฟฟ้าที่ผลิตจากฟอสซิล อาทิ ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งในปี 2021 ทั่วโลกมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล-ชีวภาพ-ขยะที่ 1.4 แสนเมกะวัตต์ โดยในจำนวนนี้มาจากเอเชียมากที่สุดราว 39% ของกำลังการผลิตของโลก และในช่วงปี 2021-2025 กำลังการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล-ชีวภาพ-ขยะทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโต 5.7%ต่อปี

ทั้งนี้วิกฤตพลังงานโลกที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ จะกดดันให้ราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นต้นทุนหลักของการผลิตไฟฟ้าโดยรวมในไทยยืนอยู่ในระดับสูงนาน ดังนั้น การหันไปผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล-ชีวภาพ-ขยะ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาต้นทุนรวมของการผลิตไฟฟ้าในไทยได้ ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติในไทยมีต้นทุนสูงถึง 3.3 บาท/หน่วย ขณะที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล-ชีวภาพ-ขยะ อยู่ที่เพียง 0.7-2.3 บาท/หน่วย เท่านั้น


นางสาวนิรัติศัย ทุมวงษา นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย ธุรกิจประเภทนี้มีแนวโน้มเติบโตดีจากการสนับสนุนของภาครัฐมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งสะท้อนจากแผน PDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมจากพลังงานชีวมวล-ชีวภาพ-ขยะ ขยายตัวที่ 6% ในช่วงปี 2021-2037 โดยในปี 2037 ซึ่งเป็นปีที่สิ้นสุดแผน PDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ภาครัฐตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ 7,077 เมกะวัตต์ เนื่องจากไทยมีศักยภาพด้านวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรซึ่งเป็นต้นทุนวัตถุดิบหลักของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล-ชีวภาพ-ขยะ

อย่างไรก็ดี ในระยะข้างหน้ามองว่า ภาครัฐจะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมากหรือ VSPP มากขึ้น โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งริเริ่มโครงการเฟสแรกเมื่อปี 2019 เพื่อให้ตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าอย่างเต็มที่และสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ทั่วทุกพื้นที่ในไทยในระยะข้างหน้า เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยยังมีครัวเรือนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้อยู่ถึง 57,440 ครัวเรือน อีกทั้งโครงการดังกล่าวช่วยสร้างรายได้แก่ชุมชนด้วย เนื่องจากจะต้องใช้วัตถุดิบหรือวัสดุเหลือใช้จากในชุมชนเป็นหลักในการผลิตไฟฟ้า

นายพงษ์ประภา นภาพฤกษ์ชาติ นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวเสริมว่า จำนวนโรงไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวล-ชีวภาพ-ขยะขนาด VSPP ในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2021-2026) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกราว 430 แห่ง ในจำนวนนี้แบ่งเป็น ชีวมวลจำนวน 54 แห่ง ชีวภาพ 236 แห่ง และขยะ 140 แห่ง ตามลำดับ เมื่อพิจารณาศักยภาพและปริมาณวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและขยะที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าหมุนเวียนแต่ละประเภทร่วมด้วย พบว่าโรงไฟฟ้าชีวมวลโดยรวมมีทรัพยากรวัตถุดิบที่มากเพียงพอสำหรับผลิตไฟฟ้าตามเป้าหมายของแผน PDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ขณะที่ โรงไฟฟ้าชีวภาพและโรงไฟฟ้าขยะ ปัจจุบันมีเชื้อเพลิงที่มีศักยภาพไม่เพียงพอถึงปี 2037 ดังนั้น ผู้ที่สนใจจะสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวจึงควรเตรียมความพร้อมด้านเชื้อเพลิงจากทั้งสองกลุ่มนี้


ทั้งนี้ การลงทุนตั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล-ชีวภาพ-ขยะ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับมลภาวะทางอากาศจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่รอบโรงไฟฟ้า เนื่องจากโรงไฟฟ้าในกลุ่มนี้มีการปล่อยฝุ่นละออง ขี้เถ้า เขม่า และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าในไทยได้แก้ปัญหาดังกล่าวโดยการนำเอาเทคโนโลยีการดักจับฝุ่นละอองมาใช้ เพื่อควบคุมปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 และเขม่า ให้เป็นตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว

ส่วนในระยะข้างหน้าคาดว่า กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมของทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยจะให้ความสำคัญกับการจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันที่ใช้ในโรงไฟฟ้าในไทยไม่สามารถดักจับได้ ดังนั้น อาจจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ อย่าง carbon capture ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าลงทุนสูงมาก จึงต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

คดีสะเทือนขวัญ ฆ่าหั่นศพ “ยากูซ่า” จ.นนทบุรี

คดีสะเทือนขวัญ พบชิ้นส่วนมือ ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ล่าสุดตำรวจจับกุมหนึ่งในผู้ต้องหาได้แล้ว และทราบว่าทั้งผู้ตายและผู้ลงมือฆ่าหั่นศพ เป็นแก๊งยากูซ่าชาวญี่ปุ่น

ชาวบ้านร้องโรงงานเก็บสารเคมีเร่งเยียวยาเหตุไฟไหม้

ชาวบ้านที่เดือดร้อนจากเหตุไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมีอุตสาหกรรม จ.ระยอง เรียกร้องโรงงานช่วยเหลือ บอกน้ำสักขวดก็ไม่ได้

แบงก์ชาติ​ส่งหนังสือให้ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต​​ ไม่ทำสะดุด

ปลัดคลัง ระบุแบงก์ชาติ​ส่งหนังสือถึง ครม.ทบทวนดิจิทัลวอลเล็ต​​ ไม่ทำให้สะดุด ชี้เป็นข้อเสนอเก่า​​ เดินหน้าตามแผนเดิม​ 

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา เริ่มมีสัญญาณที่ดี-การสู้รบเงียบสงบ

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังการสู้รบเงียบสงบเกินกว่า 24 ชั่วโมง คาดมีการเจรจากันของกลุ่มต่อต้านและทางการเมียนมา หยุดยิงชั่วคราวเพื่อลดผลกระทบ