กรุงเทพฯ 21 มิ.ย.-ราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ขยับลดลงกว่า 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลวานนี้ ผู้ใช้น้ำมันคาดหวังราคาในประเทศลดลงตาม ด้านปลัดกระทรวงพลังงาน ตอกย้ำโรงกลั่นให้ความร่วมมือดูแลราคาพลังงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ปรับลดลงถึงราว 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลวานนี้ (20 มิ.ย.) เคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันฟื้นตัวหลังจากที่ทรุดตัวลงรุนแรงกว่า 6.8% เมื่อวันศุกร์ (17 มิ.ย.) ก็เป็นที่คาดหวังว่าราคาน้ำมันขายปลีกในไทยกลุ่มเบนซินในสัปดาห์นี้ผู้ค้าน้ำมันจะลดลงมาบ้างหลังจากที่ผ่านมาราคาปรับขึ้นมาอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ราคาดีเซลในไทยอยู่ที่ประมาณ 35 บาท/ลิตร โดยกองทุนฯ น้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนราว 11 บาท/ลิตร ราคาสิงคโปร์ปิดวานนี้ เบนซิน ปิดที่ 151.32 เหรียญ/บาร์เรล ลดลง 6.55 เหรียญ ดีเซลปิดที่ 170.40 เหรียญ ลดลง 6.93 เหรียญ ส่วนน้ำมันดิบดูไบ ลดลง 7.94 เหรียญต่อบาร์เรล ปิดที่ 108.21 เหรียญ/บาร์เรล
ส่วนเบรนท์ตลาดยุโรป ราคาวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.01 เหรียญ ปิดที่ 114.13 เหรียญ/ด้านน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ซื้อขายเช้านี้ ขยับขึ้นเกือบ 2 เหรียญแตะที่ 111.55 เหรียญ/บาร์เรล
บมจ.ไทยออยล์ รายงานว่าราคาน้ำมันดิบ ฟื้นตัว หลังตลาดยังคงกังวลอุปทานน้ำมันดิบในตลาดที่ยังคงตึงตัวจากมาตรการการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียของยุโรป ขณะที่รัสเซียปรับลดปริมาณการส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังประเทศในกลุ่มยุโรปต่อเนื่อง ท่ามกลางความต้องการใช้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังคงกังวลสภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจจะชะลอตัวหลังแบงก์ชาติทั่วโลกขึ้นดอกเบี้ย สกัดเงินเฟ้อ
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวผ่าน รายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ทางช่อง 9 HD 30 ว่า กระทรวงพลังงานหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่นอย่างต่อเนื่อง ทางโรงกลั่นฯ มีความตั้งใจที่จะให้ความร่วมมือภายใต้ร่วมมือที่ว่าวิธีไหนจะไม่เป็นการขัดกฎหมายเนื่องจากกลุ่มโรงกลั่นจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงขอให้กระทรวงพลังงานตรวจสอบข้อกฎหมายอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการดำเนินการแล้วกระทบกับผู้ถือหุ้น และต้องหารือกันอีก โดยจะต้องได้ข้อสรุปภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
ส่วนกรณี สิ้นเดือน มิ.ย. 2565 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะติดลบถึงระดับ 1 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้ กระทรวงพลังงานมีทางออกในการแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้ว โดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะเป็นผู้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนเอง
ทั้งนี้ โรงกลั่นฯ ในไทยมี 6 โรงกลั่น ประกอบด้วย 1. บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP 2. บริษัท ไออาร์พีซีจำกัด (มหาชน) หรือ IRPC 3. บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC 4. บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP 5. บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO และ 6. บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC .–สำนักข่าวไทย
