กรุงเทพฯ 20 มิ.ย.- กรมการขนส่งทางราง ร่วมกับ กปถ. เร่งแก้ไขจุดตัดทางถนนและทางรถไฟระยะเร่งด่วน 35 จุด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุให้กับประชาชนผู้สัญจรและผู้โดยสารรถไฟ
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อเผยแพร่ข้อมูลของโครงการและการมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 3 โครงการศึกษาเพื่อลดอุบัติเหตุจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) โดยอธิบดีกรมการขนส่งทางรางระบุว่า จากสถิติที่ผ่านมาในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2558-2564 พบว่ามีอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางถนนและทางรถไฟเกิดขึ้น 437 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 162 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 434 ราย ยังไม่รวมผู้พิการจากอุบัติเหตุอีกจำนวนหลายราย จากตัวเลขดังกล่าว ก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งงบประมาณภาครัฐ และความสูญเสียต่อชีวิตของประชาชนที่ไม่อาจประเมินค่าได้ รัฐบาลจึงได้มุ่งเน้นให้ความสำคัญในการลดอุบัติเหตุทางถนนและปัญหาการจราจรติดขัด ผ่านการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบราง โดยได้เร่งปรับปรุงโครงข่ายทางรถไฟในปัจจุบันให้มีความมั่นคง ปลอดภัยเพิ่มขึ้น พัฒนารถไฟทางคู่ ก่อสร้างรถไฟสายใหม่ รวมทั้งรถไฟความเร็วสูง ซึ่งได้มีการออกแบบแก้ไขปัญหาจุดตัดทางถนนและทางรถไฟเป็นจุดตัดต่างระดับ ทั้งสะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ สะพานกลับรถข้ามทางรถไฟ ทางลอดใต้ทางรถไฟ สะพานรถไฟแบบยกระดับ รวมทั้งยกเลิกจุดตัดทางผ่านที่อยู่ใกล้เคียงกัน ไปรวมใช้ทางผ่านต่างระดับโดยการก่อสร้างถนนเลียบทางรถไฟ เพื่อสนับสนุนการขนส่งทางรางที่มีความปลอดภัยให้เป็นระบบขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าหลักของประเทศ
จากการดำเนินโครงการฯ ที่ผ่านมา ขร.ได้ลงสำรวจจุดตัดทั่วประเทศกว่า 2,975 จุด พบว่า ยกเลิกใช้แล้ว 218 แห่งและเป็นจุดตัดต่างระดับแล้ว 621 จุด คงเหลือจุดตัดเสมอระดับ 2,136 จุด ประกอบด้วยทางผ่านที่มีเครื่องกั้นแล้ว 1,358 จุด ทางผ่านที่เป็นป้ายจราจร 152 จุด และทางลักผ่าน 626 จุด รวมทั้งได้มีการรับฟังความคิดในภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดบุรีรัมย์ ภาคเหนือ จังหวัดพิษณุโลก ภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี และภาคกลาง จังหวัดสมุทรสาคร) เพื่อนำมาจัดทำแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ โดยแบ่งเป็นเส้นทางรถไฟทางคู่ในปัจจุบัน ทางคู่ในอนคต และทางเดี่ยว ซึ่งมีจุดตัดที่ต้องแก้ไขในระยะด่วน 35 จุด ระยะสั้น 74 จุด ระยะกลาง 308 จุด และระยะยาว 316 จุด โดยระยะเร่งด่วน 35 จุด ขร.ได้ออกแบบรายละเอียด พร้อมประมาณการราคา เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปประกวดราคาและก่อสร้างเพื่อแก้ไข และสำหรับระยะสั้นจะขอความร่วมมือหน่วยงานเจ้าของถนนนำผลการศึกษาจากโครงการนี้และมาตรฐานจุดตัดทางถนนและรถไฟ ไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขจุดตัดต่อไป นอกจากนี้ โครงการได้นำผลสำรวจจุดตัดมาจัดทำเป็นฐานข้อมูลและแผนที่สารสนเทศออนไลน์ เพื่อประชาชนสามารถเข้าไปดูข้อมูลจุดตัดทางถนนและทางรถไฟผ่านมือถือ และแจ้งข้อมูลอุบัติเหตุหรือจุดตัดที่ชำรุด โดยสแกน QR Code ผ่านแอพพลิเคชั่น DRT Crossing เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขได้อย่างทันท่วงที พร้อมทั้งโครงการได้มีการนำเสนอนวัตกรรมเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุโดยการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก และช่วยบันทึกข้อมูลปริมาณการจราจรอีกด้วย
โครงการนี้จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาจุดตัดทางรถไฟที่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้ประชาชนที่สัญจรผ่านได้รับความปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุ บริเวณจุดตัดทางถนนและทางรถไฟ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินรถไฟ ทำให้ผู้โดยสารบนขบวนรถไฟได้รับความปลอดภัย และมีความรวดเร็วในการเดินทางเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งดำเนินการแก้ไขปัญหาจุดตัดให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ เกิดการยอมรับของชุมชน ซึ่งโครงการนี้จะเป็นยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญที่พัฒนาโครงข่ายทางรถไฟเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการเชื่อมโครงข่ายทางรถไฟสู่สากล และทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางรางในภูมิภาคอาเซียนได้.-สำนักข่าวไทย