กรุงเทพฯ 18 มิ.ย.- “สุพัฒนพงษ์” วอนประหยัดพลังงาน 10% ช่วยชาติ 2 แสนล้านบาท ชี้หากผู้ประกอบการ ประชาชน ภาครัฐ จับมือไทยจะฝ่าวิกฤติไปได้ ยอมรับกองทุนน้ำมันแตะแสนล้านบาท สิ้น มิ.ย.นี้
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวผ่านรายการวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ วอนขอประชาชน เอกชน ร่วมมือภาครัฐ ฝ่าวิกฤติพลังงานแพง โดยการลดกำไรร่วมประหยัด ขณะนี้ให้ภาครัฐลดใช้พลังงาน 20% หากประชาชนลดใช้ไฟฟ้า-น้ำมัน อย่างละ 10% ก็จะช่วยชาติลดต้นทุน 2 แสนล้านบาท
ส่วนค่าการกลั่น รมว.พลังงาน ชี้แจงว่าปีนี้เฉลี่ย 3.39 บาท/ลิตร จากช่วงปกติเฉลี่ย 2 บาท/ลิตร ไม่ได้สูงมากถึง 8-9 บาท/ลิตร แต่อย่างใด หากไม่มีโรงกลั่นไทยต้องนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปทั้งหมดเสี่ยงมากขึ้นต่อเสถียรภาพทั้งด้านราคาและความมั่นคง
“ในขณะนี้เตรียมมาตรการเพิ่มเติมช่วยผู้มีรายได้น้อย เช่น กลุ่มรถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้น ปตท.ร่วมมือตรึง NGV ต่อ ช่วยค่าก๊าซผู้มีรายได้น้อย ดูแลราคาน้ำมัน ส่วนต้นทุนค่าไฟที่เพิ่มขึ้นขอความร่วมมือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บมจ.ปตท. ร่วมดูแลต่อ ส่วนเงินกองทุนน้ำมันที่ดูแลราคาน้ำมัน/แอลพีจี สิ้นเดือน มิ.ย.นี้ คาดทะลุ 1 แสนล้านบาท” นายสุพัฒนพงษ์ ระบุ
รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดโควิด-19 รัฐได้ใช้เงินดูแลราคาพลังงานรวมกว่า 2 แสนล้านบาทแล้ว ทั้งดูแลค่าไฟฟ้า, แอลพีจี, น้ำมัน ใช้เงินหลายรูปแบบทั้งกองทุนน้ำมัน ภาษีต่างๆ ซึ่งการดูแลก็ต้องดูถึงเสถียรภาพการเงินการคลังไปด้วย เพราะหากการเงินมีปัญหาก็อาจประสบปัญหาเช่นเดียวกับเพื่อนบ้าน ไม่มีเงินซื้อน้ำมัน น้ำมันขาดแคลน ทั้งนี้ไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบสุทธิ 92% นำเข้าก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้า 35% ท่ามกลางราคาที่สูงขึ้นและเงินบาทอ่อนค่าก็ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นจึงต้องบริหารจัดการให้ดีที่สุด ทั้งลดค่าครองชีพเศรษฐกิจขยายตัว โดยจะเห็นได้ว่าราคาของไทยก็ต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาคนี้ แต่ราคาสูงเมื่อเทียบกับมาเลเซียและบรูไน เพราะผลิตน้ำมันเอง ได้มีการส่งออก จึงนำรายได้มาอุดหนุนราคาในประเทศ .-สำนักข่าวไทย