MEA มอบตรา MEA ENERGY AWARDS ปีที่ 6 การันตีความสำเร็จ ลดค่าไฟฟ้าสูงกว่า 26 ล้าน

MEA มอบตรา MEA ENERGY AWARDS ปีที่ 6 การันตีความสำเร็จ ลดค่าไฟฟ้าสูงกว่า 26 ล้านบาท


การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA จัดพิธีมอบตราสัญลักษณ์ MEA ENERGY AWARDS ปีที่ 6 และสรุปผลการดำเนินโครงการ พร้อมมอบเงินลงทุนในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงให้กับอาคาร 50 แห่ง รวมมูลค่า 10.67 ล้านบาท เผยตลอดระยะเวลาโครงการปีที่ 6 ประสบความสำเร็จเกินคาด อาคารสมัครเข้าร่วม 145 แห่ง มีอาคารผ่านเกณฑ์มาตรฐานตราสัญลักษณ์ MEA ENERGY AWARDS ประจำปี 2021 จำนวน 110 แห่ง ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง 6.87 ล้านหน่วยต่อปี ลดค่าไฟฟ้ากว่า 26 ล้านบาท และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 2,954 ตันต่อปี

นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยว่า MEA ได้เริ่มจัดทำโครงการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารนับตั้งแต่ พ.ศ.2555 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นโครงการปีที่ 6 เพื่อส่งเสริมให้อาคารมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และได้พัฒนาต่อยอดก้าวสู่การเป็นต้นแบบอาคารประหยัดพลังงาน อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานในปีที่ 6 นี้ ได้มีแนวคิดที่จะสะท้อนประโยชน์มายังผู้ใช้สอยอาคารให้มากขึ้น ทั้งในเรื่องของคุณภาพอากาศภายในอาคาร และปรับปรุงค่าเกณฑ์ด้านพลังงานให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีปัจจุบัน ดังนั้น MEA จึงได้เปิดตัวตราสัญลักษณ์ MEA ENERGY AWARDS รูปแบบใหม่ มีเกณฑ์การประเมินที่เข้มข้นเพื่อจัดทำเป็นเกณฑ์มาตรฐานอาคารประหยัดพลังงานของ MEA ให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งอาคารที่จะได้รับตราสัญลักษณ์ MEA ENERGY AWARDS จะต้องผ่านเกณฑ์ประเมินมาตรฐานทั้ง 2 เงื่อนไข คือ ต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านการใช้พลังงานไฟฟ้า MEA Index (Management of Energy Achievement Index) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดระดับการใช้พลังงานที่ MEA พัฒนาขึ้นใหม่ และมาตรฐานด้านคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality: IAQ) ซึ่งจะตรวจวัดในพารามิเตอร์ต่าง ๆ เช่น CO, CO2, PM2.5, PM10, TVOC, Formaldehyde ตามหลักมาตรฐานสากลซึ่งเป็นที่ยอมรับได้ในระดับประเทศ


สำหรับโครงการดังกล่าว MEA ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ในฐานะที่ปรึกษาจัดทำเกณฑ์ประเมินมาตรฐาน MEA ENERGY AWARDS โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้เจ้าของอาคารเกิดแรงจูงใจในการอนุรักษ์พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างเครือข่ายอาคารประหยัดพลังงานของ MEA ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศ ช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือที่เรียกว่า Carbon Neutrality ให้เกิดขึ้นได้จริงภายในปี 2593 ตามกรอบนโยบายของประเทศอีกด้วย

ผู้ว่าการ MEA กล่าวต่อไปว่า จากการเปิดรับสมัครกลุ่มอาคารที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่เดือน มกราคม 2564 ถึงปัจจุบัน มีอาคารสนใจเข้าร่วม 145 แห่ง มีอาคารผ่านเกณฑ์มาตรฐาน MEA ENERGY AWARDS ประจำปี 2021 จำนวน 110 แห่ง ประกอบด้วย โรงเรียน 2 แห่ง โรงแรม 4 แห่ง โรงพยาบาล 11 แห่ง มหาวิทยาลัย 2 แห่ง ไฮเปอร์มาร์เก็ต 3 แห่ง ร้านสะดวกซื้อ 19 แห่ง ศูนย์การค้า 28 แห่ง และ สำนักงาน 41 แห่ง (ดูรายชื่อได้ที่ https://www.meaenergyawards.info/about/m-mea-energy-awards) ในจำนวนนี้ MEA ได้สนับสนุนเงินลงทุนในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเป็นเงินทั้งสิ้น 10.67 ล้านบาท (10,673,104 บาท) โดยมีเงื่อนไขการสนับสนุนในอัตราอาคารละไม่เกินร้อยละ 20 ของเงินลงทุน (สูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาทต่ออาคาร) และยังมีสิทธิพิเศษด้านการอบรม, การตรวจวัดพลังงาน, การติดตั้ง EV Charger, ส่วนลดการใช้บริการ MEA BETTER CARE, และการล้างแอร์เพิ่มเติมอีกด้วย โดยอาคารที่มีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุนและสิทธิพิเศษ ต้องเป็นอาคารที่ผ่านการประเมินมาตรฐาน MEA ENERGY AWARDS เท่านั้น

ผลสำเร็จที่ได้รับจากโครงการ MEA ENERGY AWARDS ปีที่ 6 มีอาคารดำเนินการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ 50 แห่ง คิดเป็นเงินลงทุนรวม 86.74 ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของอาคาร) ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง 6.87 ล้านหน่วยต่อปี (6,869,932 kWh/ปี) คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 26.14 ล้านบาทต่อปี (26,140,916 บาท/ปี) ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 2,954 ตันต่อปี โดยมีระยะเวลาคืนทุน 3.32 ปี


ผลจากความร่วมมือในการดำเนินโครงการ MEA ENERGY AWARDS ของทุกอาคารที่ประสบความสำเร็จ จะช่วยผลักดันเจ้าของอาคารให้เกิดแรงจูงใจและสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และนำนวัตกรรมด้านพลังงานใหม่ ๆ มาใช้พัฒนาอาคารตนเองต่อเนื่องไปในอนาคต เพื่อช่วยกันลดผลกระทบด้านพลังงานและช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวไปสู่อาคารต้นแบบที่มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพอากาศได้มาตรฐานต่อไปในอนาคต สอดคล้องกับ MEA ที่มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรม ขับเคลื่อนระบบพลังงานอัจฉริยะ เพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร

อาคารที่สนใจขอรับการประเมินตรา “MEA ENERGY AWARDS” สอบถามข้อมูลโครงการได้ที่ e-mail : meaaward@gmail.com หรือ LINE @meaenergyawards หรือติดตามข่าวสารโครงการ ได้ที่ www.facebook.com/MEAAward และ www.meaenergyawards.info นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชมนิทรรศการออนไลน์ ได้ที่ https://invirtualevent.com/meaenergyawards_exhibition/

รับชมวิดีโอถ่ายทอดสดได้ที่
https://www.facebook.com/100064790613818/posts/392264829609868/?d=n

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]

โควิด-19 ระบาดปักธงชัย ตายแล้ว 2

นครราชสีมา 2 มิ.ย.- เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดที่ อ.ปักธงชัย จ.นคราชสีมา รุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รัฐบาลเตือนระวังสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 แพร่กระจายไว ที่ อ.ปักธงชัย พบผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบนี้แล้ว 2 ราย ผู้ป่วยรายแรกเป็นชายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ส่วนรายที่ 2 เสียชีวิตช่วงค่ำวานนี้ เป็นชายอายุ 72 ปี ที่โรงพยาบาลปักธงชัย ไปประกอบพิธีทางศาสนา โควิด-19 แม้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ต้องรู้จักวิธีการป้องกันตัวเองและดูแลบุคคลในครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนหลังพบพฤติกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ แปซิฟิกตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และเชื้อโควิด-19 […]