กรุงเทพฯ 16 มิ.ย.กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวประเมินหลังหลายประเทศคลายล็อกมาตรการโควิด-19 คาดจะมีคนไทยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศปีนี้ประมาณ 1.2 ล้านคน ขณะที่ตลาดบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวมียอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ติด 1 ใน 5 ของยอดการใช้จ่ายรวม
ในงานเสวนา “Start and Smart Tourism จุดเริ่มความท้าทายใหม่ของธุรกิจท่องเที่ยวโดยมีพันธมิตรผู้นำธุรกิจท่องเที่ยวและองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเข้าร่วมพูดคุยถึงทิศทางและการเตรียมความพร้อมของธุรกิจท่องเที่ยวรองรับการเปิดประเทศ นายโชติช่วง ศูรางกูร Vice President สมาคมบริการท่องเที่ยว กล่าวว่า “นักท่องเที่ยวไทยให้ความสนใจในการเดินทางเที่ยวในต่างประเทศมากขึ้นหลังจากที่ไทยปิดประเทศมาสองปีครึ่ง แต่คงยังไม่ได้กลับมาท่องเที่ยวแบบทะลักทลาย เนื่องจากประเทศที่เป็นที่นิยมของคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ได้เปิดเต็มรูปแบบ ทำให้นักท่องเที่ยวไทยยังไม่ตัดสินใจเดินทาง ประกอบกับต้นทุนการเดินทางที่สูงขึ้น จากเดิมที่สูงอยู่แล้วจากสภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก การพุ่งขึ้นของค่าน้ำมันและอาหารจากสภาวะสงคราม ราคาตั๋วเครื่องบินที่สูงขึ้นเพราะจำนวนไฟลท์ที่น้อยลงไม่เพียงพอต่อความต้องการ สมาคมฯ คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในปีนี้ประมาณ 1.2 ล้านคน จากเดิมที่เคยทำสถิติสูงสุดไว้ที่ 11.2 ล้านคนในปี 2562
น.ส.เจนจิต ลัดพลี ผู้อำนวยการ – การตลาดเพื่อการท่องเที่ยวและสันทนาการ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือเคทีซีกล่าวว่า “จากการที่ประเทศไทยเริ่มเปิดประเทศให้ประชาชนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้เป็นปกติ สัดส่วนการใช้จ่ายของสมาชิกผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดการเดินทางท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ในหมวดดังกล่าวปรับตัวขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 5 ของพอร์ตการใช้จ่ายโดยรวม
น.ส.อรินทร์ชยา บรรเจิดศิริ กรรมการกลาง สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวภายในประเทศเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด ภาครัฐจึงได้ออกโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” เพื่อส่งเสริมและให้การสนับสนุนนักท่องเที่ยวชาวไทยให้กลับมาเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังตอบรับกับการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ อาทิ การเดินทางที่เสรียิ่งขึ้น รวมถึงการอนุญาตให้ธุรกิจบริการกลับมาเปิดกิจการได้มากขึ้นด้วย -สำนักข่าวไทย