กรุงเทพฯ 16 มิ.ย.-ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 โตเหลือ 3.1% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อปลายปีที่แล้ว จะโตได้ถึง 4.2% เหตุสงครามยืดเยื้อ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งไปที่ 6% ส่วนหนี้ครัวเรือน เพิ่ม 91.6%
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า เดิมมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะโตได้ถึง 4% กว่าๆส่วนปริมาณการค้าโลก จะโตในกรอบ6-7% พอเจอทั้งโควิด และน้ำมันแพง ปริมาณการค้าโลกมีทิศทางย่อลง เหลือเพียง 4% ขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ที่2.9% จึงกลายเป็นจุดเสี่ยงว่าถ้าราคาน้ำมันแพงและแกว่งตัวอาจจะอยู่ที่120 – 130 เหรียญต่อบาเรล ถ้าจีนคลายสถานการณ์ zero covid ขณะที่โอเปคไม่ได้เพิ่มการผลิตน้ำมัน ดังนั้นราคาน้ำมันที่ทรงตัวสูง จึงเป็นแรงกดดันให้ราคาน้ำมันบ้านเราปรับตัวขึ้นอีก ซึ่งจะทำให้ปริมาณการค้าโลกซึมลง ซึ่งจะมีผลกระทบต้อการส่งออกของไทย
การที่ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร จะกระทบต่อการขบายตัวของเศรษฐกิจไทย 0.1% ส่วนน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร กระทบ 0.2% เมื่อดีเซลและเบนซินปรับขึ้นรวมกันประมาณ 1 บาทต่อลิตร จะทำให้เศรษฐกิจไทยจะกระเทือน 0.3% ในการขยายตัว จาก ก.พ.ถึงปัจจุบันราคาน้ำมันเบนซินขึ้น 10 บาท เป็นแรงกดดันทำให้เราต้องย่อเศรษฐกิจลงมา 1% อย่างไรก็ตามการเปิดประเทศ และให้ทำกิจกรรมได้ใกล้เคียงปกติ เช่นผับบาร์คาราโอเกะ จึงทำให้มีเงินสะพัดเข้ามาในระบบเศรษฐกิจประมาณ 3-5หมื่นล้านบาทต่อเดือน จึงทำให้ครึ่งปีหลังมีเงินจากส่วนนี้เข้ามาในระบบเศรษฐกิจ
คาดว่าไตรมาส 3 จะมีนักท่องเที่ยวน่าจะเข้ามา 5 แสนคนต่อเดือนและในไตรมาสสุดท้ายคาดว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามา 5-8 แสนคนต่อเดือน ดังนั้น ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจจึงปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 โตเหลือ3.1% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อปลายปี 2564 ว่าเศรษฐกิจจะโตได้ถึง 4.2% จากปัจจัยลบต่างๆ ประกอบด้วยสงครามรัสเซีย ยูเครน ที่ทำให้ราคาพลังงานสิสค้าโภคภัณฑ์และอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อและยาวนานทำให้เกิดแผลเป็นทางเศรษฐกิจ ธนาคารกลางของประเทศหลักถูกกดดันให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ปัญหาชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานส่งผลกระทบรุนแรงค่อภาคการผลิตทั่วโลก เศรษฐกิจจีนมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นจากมาตรการ Zero COVID ทำให้การส่งสินค้าค่อนข้างมีปัญหา ความำม่แน่นอนของสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน
อย่างไรก็ตาม การส่งออกคาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 6.3 และอัตราเงินเฟ้อขยายตัวร้อยละ 6.0 ส่วนหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 91.6% จากเดิม 91.2% ทั้งนี้เป็นการประมาณการภายใต้สมมติฐานที่เศรษฐกิจโลกเติบโต 2.9% จำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 6.1 ล้านคน อัตราแลกเปลี่ยน 34.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐและราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เบล แต่หากกรณีแย่สุดราคาพลังงานในตลาดโลกพุ่งสูงถึง 120-130 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จะส่งผลกระทบทำให้ GDP ของประเทศลดลงเหลือ 2.3% .-สำนักข่าวไทย