กรุงเทพฯ 15 มิ.ย. – “ดำรงค์ พิเดช” อดีตหัวหน้ากรมอุทยานแห่งชาติฯ ระบุ การที่เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เคลื่อนย้ายแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นจุดสำคัญที่ขบวนการรุกป่าออกโฉนดเอื้อนักการเมือง โดยมีเงินปิดปาก “ชัยวัฒน์” อดีตหัวหน้าหน่วยพญาเสือชี้ กรณีรุกป่าเขาใหญ่มีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อยึดถือ ครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบ
นายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทยซึ่งเป็นอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชกล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ต้องแจ้งความจับนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการกับพวกทันที หลังจากที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีออกโฉนดโดยมิชอบ ทับซ้อนเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ที่ผ่านมากรมอุทยานแห่งชาติฯ แจ้งความเฉพาะการบุกรุกป่าซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนน้อยนอกโฉนด แต่เมื่อ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดดังกล่าว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ สามารถแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ทันทีในแปลงตามโฉนดที่ดินเลขที่ 41158 41159 และ 41160 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองปราจีนบุรีจังหวัดปราจีนบุรี ย้ำว่า ไม่ต้องกลัวเกรงอะไรเพราะการชี้มูลของ ป.ป.ช. เป็นการรับรองว่า มีการกระทำผิดจริง แม้แต่ประชาชนจะแจ้งความเองยังทำได้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ มีหน้าที่โดยตรง จึงไม่จำเป็นต้องรอให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดก่อน จึงดำเนินการเพราะใช้เวลานานแน่นอน โดยหากภายใน 30 วันยังไม่ดำเนินการจะนำเรื่องแจ้งต่อนายกรัฐมนตรี
สำหรับการกระทำผิดดังกล่าวทำเป็นขบวนการ โดยจุดสำคัญคือ การที่นายคณิต เพชรประดับ ตำแหน่งช่างรัดวัด 4 กรมป่าไม้ไปขยับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จึงทำให้หน่วยงานของกรมที่ดินสามารถออกโฉนดได้ โดยที่ข้าราชการกรมที่ดินจะรู้เห็นด้วยหรือไม่นั้น ไม่ทราบ แต่แม้จะรู้เห็นด้วยก็เอาผิดยากเพราะอ้างได้ว่า ออกโฉนดนอกแนวเขตอุทยานแห่งชาติ ขณะนี้นายคณิตอยู่ในตำแหน่งช่างรังวัด 6 กรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งหลบหนีหมายจับในคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูล ก่อนหน้านี้กรมอุทยานแห่งชาติฯ มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วตั้งแต่ปี 2563 หากเสร็จสิ้นกระบวนการอาจโดนโทษให้ออกจากราชการ เชื่อว่า การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการเอื้อประโยชน์ให้นักการเมืองเนื่องจากเงินปิดปาก
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าหน่วยพญาเสือซึ่งเป็นผู้นำกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุมกล่าวว่า เมื่อครั้งที่เข้าตรวจสอบการบุกรุกทั้งในปี 2560 และ 2563 แล้วนายสุนทรและนางกนกวรรณนำโฉนดมายืนยันการครอบครองจึงต้องแจ้งความเฉพาะพื้นที่นอกโฉนดซึ่งบุกรุกป่าแน่นอน รวมทั้งยังพบว่า นายคณิตย้ายแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่โดยไม่มีอำนาจหน้าที่ จึงมอบแผนที่ทางอากาศแสดงพิกัดทั้งแนวเขตเดิมและแนวเขตใหม่ให้ตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อให้ไปถึง ป.ป.ช. เนื่องจากเป็นการกระทำผิดโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ จนนำมาสู่การชี้มูลความผิดดังกล่าว
สำหรับพฤติการณ์ของผู้กระทำผิดตามที่ ป.ป.ช.ชี้มูล มีลักษณะเป็นขบวนการ โดยจัดการแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ โดยเฉพาะที่นายคณิตไปขยับและรับรองแนวเขตอุทยานแห่งชาติเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินออกโฉนดได้อย่างชอบธรรม
นายชัยวัฒน์กล่าวย้ำว่า การที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการออกโฉนดจึงเป็นการรับรองว่า นายสุนทรและนางกนกวรรณครอบครองที่ดินที่ได้มาโดยมิชอบ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ สามารถแจ้งความดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.ป่าสงวนได้เลย หากรอกรมที่ดินเพิกถอนโฉนดก่อนเชื่อว่าใช้เวลานานแน่นอน เนื่องจากคงไม่มีข้าราชการคนไหนอยากลงนามเพิกถอน
ทั้งนี้ประชาชนไม่ต้องกังวลว่า ความผิดฐานรุกป่าจะหมดอายุเช่นเดียวกับคดีของ ป.ป.ช. ซึ่งนับจากวันที่นายสุนทรกระทำความผิดในปี 2545 แล้วครบ 20 ปีในวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา เพราะตราบใดที่ยังมีเจตนาครอบครองที่ดินของรัฐ ความผิดยังมีอยู่ แม้ตกทอดถึงลูกหลาน หากพิสูจน์ได้ว่า ได้มาโดยมิชอบสามารถดำเนินคดีได้ตลอด.-สำนักข่าวไทย