fbpx

ทีมเศรษฐกิจหารือลดค่าครองชีพ

กรุงเทพฯ14 มิ.ย.-ทีมเศรษฐกิจหารือลดค่าครองชีพกระทรวงพลังงาน แจง การคำนวณค่าการกลั่นน้ำมัน พร้อมอยู่ระหว่างหารือโรงกลั่นเพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชนใช้กม.กองทุนน้ำมัน 2 มาตรามาดูแล


ช่วงเย็นวันนี้ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลหารือที่กระทรวงการคลังประกอบไปด้วย รมว.คลัง/ รมว.พลังงาน/สภาพัฒน์/ธปท.หารือมาตรการดูแลค่าครองชีพหลัง 10 มาตรการตามมติครม. 22 มี.ค.สิ้นสุด30 มิ.ย.นี้

โดยหนึ่งในมาตรการหารือคือแนวทางการนำเงินโรงกลั่นน้ำมันและโรงแยกก๊าซธรรมชาติมาใส่เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าจะลดราคาหน้าปั๊มได้หรือไม่อย่างไร โดยกระทรวงพลังงานจะนำไปหารือกลุ่มโรงกลั่นเร็วๆนี้ 


“รูปแบบทำได้ตามพรบ.กองทุน​น้ำมันฯมาตรา14(4)และมาตรา27(1) โดยการหาริอคือเก็บเงินเข้ากองทุน​ก่อนซึ่งกองทุนติดลบกว่า 91,000 ล้านบาทแล้ว คณะบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กบน.จะพิจารณา​นำไปลดราคาน้ำมันหรือเสริมสภาพคล่อง​จะพิจารณา​ต่อไปแต่ทั้งนี้ก็ต้องดูว่าจะไม่ส่งสัญญาณ​แทรกแซงตลาดการค้าเสรีจนไม่เป็นธรรม” แหล่งข่าวจากวงการพลังงานระบุ

 นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สำหรับที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับค่าการกลั่นน้ำมันที่สูงถึง8 บาทต่อลิตรนั้น จากการตรวจสอบโครงสร้างค่าการกลั่นน้ำมันของประเทศไทย โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) โดยค่าการกลั่นเฉลี่ย 5 เดือน (ม.ค. – พ.ค. 2565) อยู่ที่ 3.27 บาทต่อลิตร และในเดือนพฤษภาคมค่าการกลั่นอยู่ที่ 5.20 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงขึ้นจากในสภาวะปรกติก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เคยอยู่ที่ประมาณ 2.00 – 2.50 บาท แต่ค่าการกลั่นที่สูงขึ้นนี้ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าการกลั่นในตลาดโลกโดยเริ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดและปัญหาความไม่สงบระหว่างรัสเซีย – ยูเครน  

สำหรับค่าการกลั่นน้ำมัน คือ กำไรเบื้องต้นของโรงกลั่นน้ำมันก่อนหักค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าบำรุงรักษาโรงกลั่น เป็นต้น สำหรับกำไรของโรงกลั่นยึดโยงกับต้นทุนราคาน้ำมันดิบและราคาขายน้ำมันสำเร็จรูปที่กลั่นได้ปัจจุบันทางกระทรวงพลังงานก็อยู่ระหว่างการหารือเพื่อขอความร่วมมือกับโรงกลั่นในการบริหารจัดการสำหรับช่วงที่เกิดวิกฤตด้านราคาพลังงานเช่นในปัจจุบัน  


การคำนวณค่าการกลั่นน้ำมันของกระรวงพลังงาน ที่มีการเผยแพร่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้อ้างอิงในภาพรวม ในส่วนของค่าการกลั่นเป็นการบริหารจัดการธุรกิจของแต่ละโรงกลั่น ทั้งนี้ สนพ. มีวิธีการคำนวณจากส่วนต่างของราคา ณโรงกลั่น (เฉพาะส่วนเชื้อเพลิงฟอสซิล) ของน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักด้วยสัดส่วนของปริมาณการผลิตของประเทศ กับราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 3 แหล่ง (น้ำมันดิบดูไบ โอมาน และทาปิส) ทั้งนี้ การนำเอาราคาน้ำมันดิบมาหักจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปชนิดเดียวโดยตรงไม่สามารถนำมาคำนวณเป็นค่าการกลั่นได้ เนื่องจากโรงกลั่นมีผลิตภัณฑ์หลายประเภทที่ได้จากน้ำมันดิบซึ่งมีราคาต่างกัน

ที่มีการเผยแพร่ค่าการกลั่นน้ำมันซึ่งเผยแพร่หรือส่งต่ออยู่นี้ น่าจะเกิดจากความคลาดเคลื่อนในการคำนวณค่าการกลั่นเพราะจากการตรวจสอบค่าการกลั่นที่คำนวณโดย สนพ. ในเดือนพฤษภาคม 2565 จะอยู่ที่ประมาณ 5.20 บาทต่อลิตร และช่วง10 ปีที่ผ่านมาค่าการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยในระดับปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2.00 – 2.50 บาทต่อลิตร  สำหรับในช่วงปี 2563 – 2564 ค่าการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 0.70 บาทต่อลิตร และ 0.89 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับปกติ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันลดลงเนื่องจากมีการจำกัดการเดินทาง ส่งผลให้ค่าการกลั่นอ่อนตัวอยู่ในระดับที่ต่ำ จึงไม่สามารถนำข้อมูลในช่วงปี 2563และ 2564 มาเปรียบเทียบได้เนื่องจากเป็นสภาวะที่ไม่ปกติและอาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการสื่อความได้ 

สำหรับในสถานการณ์ปัจจุบัน ค่าการกลั่นที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันอ้างอิงของทุกผลิตภัณฑ์ปรับสูงขึ้นจากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่หลายประเทศทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อ COVID -19 และความตึงเครียดทางการเมืองจากสงครามระหว่างประเทศรัสเซียและประเทศยูเครนซึ่งนำไปสู่การที่หลายประเทศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกทำให้อุปทานในตลาดตึงตัว ประกอบกับประเทศจีนมีการลดการส่งออกเพื่อสำรองไว้ใช้ในประเทศ ค่าการกลั่นที่สูงขึ้นนี้ เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่เพียงแต่เฉพาะประเทศไทยและที่ผ่านมารัฐบาลก็พยายามอย่างสุดความสามารถในการใช้กลไกต่างๆเพื่อช่วยลดภาระประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงขึ้นและขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการหารือเพื่อขอความร่วมมือกับโรงกลั่นในการบริหารจัดการสำหรับช่วงที่เกิดวิกฤตด้านราคาพลังงานเช่นในปัจจุบันเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน” นายสมภพ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

วัยรุ่นเชียงใหม่ ตะลุมบอนงานไม้ค้ำ จ.เชียงใหม่

กลุ่มวัยรุ่นตะลุมบอนชกต่อยกันในงานแห่ไม้ค้ำโพธิ์ จ.เชียงใหม่ ขณะที่ผู้จัดงานติดป้ายเตือนทะเลาะวิวาทในงาน จับได้ปรับ 75,000 มอบให้คนถ่ายคลิป 5,000

ล่า “จัก เขาบายศรี” ถ้าต่อสู้อาจจำเป็นต้องวิสามัญ

ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นหลายจุดทั่วเมืองชลบุรี ล่าตัว “จัก เขาบายศรี” มือกราดยิงวันไหล ย่านบ่อนไก่ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หากเจอตัวแล้วยิงต่อสู้ อาจจำเป็นต้องวิสามัญ วอนญาติรีบประสานพามามอบตัว

ข่าวแนะนำ

ศาลสั่งจำคุกลูกชาย รมช.เมาแล้วขับ 2 เดือน ปรับ 4 พันบาท

ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ลูกชายรัฐมนตรีช่วย เมาขับฝ่าด่านตรวจ โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมพักใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน

ติดตามโครงการทางแยกต่างระดับ แยกท่าเรือ จ.ภูเก็ต

จ.ภูเก็ต 19 เม.ย.-นายกฯ ติดตามโครงการทางแยกต่างระดับ แยกท่าเรือ จ.ภูเก็ต พร้อมสำรวจการจราจร วงเวียนอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร