กรุงเทพฯ 13 มิ.ย.-จากกรณีค่าการกลั่นสูงและนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุ กระทรวงพลังงาน ขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมันลดค่าการกลั่นฯ เพื่อหวังลดราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊มนั้น เอกชนรอความชัดเจน
แหล่งข่าวจากโรงกลั่นฯแจ้งว่าในขณะนี้แต่ละโรงฯ รอความคิดเห็นจากกระทรวงพลังงานว่าจะให้ร่วมมืออย่างไรซึ่งก็หวังว่าจะเป็นธรรมต่อทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค โดยข้อเท็จจริงของธุรกิจการกลั่นฯ มีความเสี่ยงสูง ตั้งแต่กระบวนการสั่งซื้อน้ำมันดิบล่วงหน้า 2 เดือน สั่งซื้อด้วยค่าพรีเมี่ยมที่ขณะนี้สูงมาก 7-10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และจะรู้ราคาซื้อขายจริงก็วันที่ได้น้ำมันจริง ส่วนราคาขายก็ไม่ทราบล่วงหน้าเป็นปัจจัยที่ตลาดกำหนดในขณะที่มีข้อเสนอเก็บภาษีลาภลอย (Windfall Gain Tax) จากโรงกลั่นโดยให้คำนวณจากกำไรที่สูงเกินอัตราที่ควรจะเป็นนั้น เรื่องนี้ก็คงรอความเห็นจากภาครัฐเช่นกัน เพราะกำไรที่เพิ่มขึ้นภาครัฐก็ได้ประโยชน์จากการเก็บภาษีนิติบุคคลร้อยละ 20 อยู่แล้ว ก็เป็นภาษีที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเช่นกัน แล้วหากเก็บภาษีลาภลอยอีกแล้วจะซ้ำซ้อนหรือไม่อย่างไร
“ธุรกิจการกลั่นถือว่าเสี่ยงสูงในช่วงโควิด-19 ค่าการกลั่นต่ำมากโรงกลั่นขาดทุน เราก็รับความเสี่ยงเองแต่ในขณะนี้มีทั้งช่วงสูงและต่ำและบริหารความเสี่ยงหรือเฮดจิ้งก็ขาดทุนเป็นบางช่วงยากมาก ซึ่งก็เข้าใจเรื่องราคาน้ำมันทุกฝ่ายก็เดือดร้อนไปหมดแม้แต่โรงกลั่นก็บริหารความเสี่ยงยากเช่นกัน” แหล่งข่าวระบุ
สำหรับราคาน้ำมันดิบที่สูงขึันปีนี้ก็มีทั้งเหตุผลความตึงตัวของกำลังผลิตที่เป็นผลมาจากซัปพลายน้ำมันดิบลดลงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน โรงกลั่นปิดตัวจากการขาดทุนช่วงโควิด-19 กำลังกลั่นโลกหายไป 3 ล้านบาร์เรล/วัน ในขณะที่ดีมานด์โลกฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกจากการคลี่คลายของการระบาดโควิด-19 .-สำนักข่าวไทย