AIS–กรุงไทย ต่อยอดคนละครึ่งขยายผลความสำเร็จ “โครงการพอยท์เพย์”

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย.-AIS – กรุงไทย ต่อยอดคนละครึ่ง เดินหน้าขยายผลความสำเร็จ “โครงการพอยท์เพย์” สนับสนุนร้านค้าทั่วไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก แบ่งเบาภาระคนไทยและลูกค้า AIS ใช้ เอไอเอส พอยท์ แลกรับส่วนลดเงินสดกับ “ร้านค้าถุงเงิน” กว่า 400,000 ร้านทั่วประเทศ


เศรษฐกิจฐานรากถือเป็นเส้นเลือดฝอยที่มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศในภาพใหญ่ โดยเฉพาะร้านค้ารายย่อย ร้านอาหารสตรีทฟู้ด รถเข็น ตลาดสด ล้วนเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของระบบโครงสร้างของเศรษฐกิจทั้งภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจการทำงานของ AIS และ ธนาคารกรุงไทย ที่มุ่งมั่นผสานจุดแข็งร่วมกันเดินหน้าแบ่งเบาภาระของคนไทย และสนับสนุนร้านค้าถุงเงินที่อยู่ในระบบของธนาคารกรุงไทย ผ่านโครงการ “พอยท์เพย์” หวังกระตุ้นการใช้จ่ายหลังจบโครงการคนละครึ่งของภาครัฐ โดยให้ลูกค้า AIS สามารถใช้คะแนน AIS Points แลกรับส่วนลดเงินสดกับร้านค้าถุงเงินกว่า 400,000 ร้านค้าทั่วประเทศ

นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “วันนี้สถานการณ์ภาพรวมของประเทศมีสภาวะการชะลอตัวของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดจากแรงกดดันหลายปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ เริ่มส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการ และกำลังซื้อของผู้บริโภค ดังนั้นภารกิจของ AIS ที่เดินหน้าทำควบคู่ไปกับการพัฒนาบริการดิจิทัลสำหรับคนไทยแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนภาคธุรกิจรายย่อย รวมถึงการแบ่งเบาภาระของลูกค้าไปพร้อม ๆ กัน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพลิกฟื้นระบบเศรษฐกิจฐานราก ให้เกิดการหมุนเวียนของรายได้ ในฐานะฟันเฟืองเล็กที่ช่วยพยุงกำลังซื้อให้เดินหน้าต่อได้”


“จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการทำงานร่วมกับธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่ ปี 2564 ที่ผ่านมา กับการเปิดตัวโครงการพอยท์เพย์ ที่เชื่อมต่อให้ร้านค้าถุงเงินที่อยู่ในระบบของธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นร้านค้ารายย่อย ร้านค้าริมทาง ร้านอาหารร้านค้าในตลาด ซึ่งมีมากกว่า 400,000 ร้าน มาเป็นแหล่งที่ลูกค้าเอไอเอส สามารถนำคะแนนสะสม AIS Points มาใช้ชำระค่าสินค้าได้ อันถือเป็นการสนับสนุนให้ทั้งร้านค้า และลูกค้าเอไอเอสไปพร้อม ๆ กัน ในแง่ของการลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวัน โดยเฉพาะหมวดอาหาร อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายให้เกิดรายได้หมุนเวียนกับบรรดาร้านค้าถุงเงินทั่วประเทศ ทั้งนี้เชื่อว่า ด้วยความคุ้นชินของประชาชนในการใช้งานแอปพลิเคชันผ่านมือถือจะทำให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย และเข้าถึงสิทธิพิเศษจากความร่วมมือนี้ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอน”

นายธวัชชัย ชีวานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริการสายงาน สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า “โครงการพอยท์เพย์ เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญ และการผสานจุดแข็งของ 2 องค์กรชั้นนำของประเทศ ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างรอบด้าน พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยสนับสนุนการใช้จ่ายที่ร้านค้าถุงเงิน เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร้านค้ารายย่อย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย ทำให้ร้านค้ารายย่อย มีโอกาสขายสินค้าเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากโครงการสนับสนุนจากภาครัฐ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ X2G2X ของธนาคาร ที่ต้องการต่อยอดจากภาครัฐในสู่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง”

โครงการ “พอยท์เพย์” เป็นการใช้จุดแข็งของธนาคารกรุงไทยด้านเทคโนโลยี ในการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มและช่องทางการรับชำระค่าสินค้าและค่าบริการมาต่อยอดให้ร้านค้าถุงเงิน รับชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลได้คล่องตัวขึ้นโดยสามารถใช้คะแนนสะสมของพันธมิตรชำระแทนเงินสดได้ ผนวกกับความแข็งแกร่งของ AIS ในฐานะผู้นำตลาดธุรกิจโทรคมนาคม มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าให้สามารถใช้เอไอเอส พอยท์ 2 คะแนน แทนเงินสดได้ 1 บาท แลกส่วนลดเงินสดในการซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าถุงเงินที่เข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 400,000 ร้านค้า จาก 1.6 ล้าน ร้านค้าทั่วประเทศ


ในอนาคตมีแผนขยายประเภทของร้านค้าถุงเงินให้หลากหลายขึ้น เช่น ร้านสะดวกซื้อ ที่พัก โรงแรม การขนส่ง เพื่อให้รองรับและครอบคลุมการใช้งานของลูกค้าได้ทั่วประเทศ สำหรับร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการพอยท์เพย์สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.th/พอยท์ช่วยจ่าย และ https://krungthai.com/th/content/personal/pointpay

ด้านตัวแทนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า “การเข้าร่วมเป็นร้านค้าถุงเงินในโครงการพอยท์เพย์ทำให้ร้านสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เป็นอีกตัวช่วยสำหรับร้านเล็ก ๆ อย่างเราให้เข้าถึงเทคโนโลยีที่การจ่ายเงินที่ลูกค้าคุ้นเคย เพิ่มโอกาสให้ร้านสามารถขายของได้ง่ายขึ้น เพราะการมีโครงการพอยท์เพย์เข้ามา เหมือนช่วยลูกค้าให้มีทางเลือก ทั้งส่วนที่อยากใช้คะแนนเป็นส่วนลด หรือจะใช้จ่ายทั้งหมด ทำให้เหมือนกับเรามีโปรโมชันดี ๆ ให้ลูกค้า ซึ่งถือว่าช่วยเราได้มาก เพราะแม้จะจบโครงการคนละครึ่งไป แต่ก็ยังมีพอยท์เพย์เข้ามาเพิ่มเติมก็เป็นอีกตัวช่วยให้เราขายของได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ ในโปรแกรม AIS Points มีกว่า 20 ล้านคน มีคะแนนสะสมของลูกค้ากว่า 2,600 ล้านคะแนน ที่พร้อมจะแปลงเป็นโอกาสของร้านค้าให้มีตัวช่วยในการดำเนินธุรกิจต่อไป ดังนั้น เชื่อว่าศักยภาพของ AIS ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการดิจิทัล จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือครั้งนี้กับธนาคารกรุงไทยในการกระตุ้นการใช้จ่ายของลูกค้า เพื่อเป็นพลังสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากระดับเส้นเลือดฝอยในทุกพื้นที่ของประเทศให้เกิดการเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

ครม.เคาะเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 8-10 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการกระชุม ครม. วาระสำคัญของรัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤติ เดินหน้าไปด้วยกัน” โดยระบุว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว แม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8 ล้านบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ที่ไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ร้อยละ 19 ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง […]

“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน

กทม. 5 ส.ค.-“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน พิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย พลตำรวจตรี ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้ คนขับรถกระบะได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้การว่า ตนกำลังจะขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ อยู่ดีๆ “เป๊ก ผลิตโชค” ก็กระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ ตอนนั้นรู้สึกตกใจ จึงเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน ลงมาพูดคุยกับ “เป๊ก” จากนั้น “เป๊ก” ก็เข้ามาสวมกอด ยกมือไหว้ แล้วเบนไปหานายชุติเทพ มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป และไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น จนกระทั่งมาเปิดดูข่าว ส่วนคนขับรถแท็กซี่ที่ปรากฏภาพ “เป๊ก ผลิตโชค” ขึ้นไปเกาะบนหลังคารถ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อเข้ามาให้ปากคำ ด้าน “เป๊ก ผลิตโชค” ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำ เพราะยังอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งพนักงานสอบสวน ยินดีที่จะเข้าไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล ถ้าหากแพทย์อนุญาต หรือ “เป๊ก ผลิตโชค” […]

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]