จับตาพรุ่งนี้ กบน.ประกาศดีเซล 35 บาทหรือไม่

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – พรุ่งนี้ กบน.หารือราคาดีเซลจะขยับขึ้นเป็น 35 บาท หรือไม่​ ในขณะที่ภาคประชาชนเสนอรื้อสูตรทั้งค่าการกลั่น-ราคาหน้าปั๊ม-แอลพีจี ด้านบางจากฯ รอนโยบายรัฐ แจงโรงกลั่นแต่ละแห่งต้นทุนแตกต่างกัน และราคาขายปลีกไม่ได้ผันแปรตามค่าการกลั่น


ผู้สื่อข่าว​รายงานว่า วันพรุ่งนี้ ​(13 มิ.ย.) นายสุพัฒนพงษ์​ พันธ์​มี​เชาว์​ รอง​นาย​กรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุม​คณะกรรมการ​บริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ​(กบน.)​ หารือราคาดีเซลรายสัปดาห์ที่ทยอยขึ้น โดยหากอนุมัติขึ้นราคาก็จะไม่เกิน 1 บาท/ลิตร ซึ่งจะส่งผลให้ราคาแตะ 35 บาท/ลิตร ส่วนข้อเรียกร้องลดค่าการกลั่น​น้ำมันนั้น​ รมว.พลังงาน สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาทั้งแง่กฎหมาย และขอความร่วมมือโรงกลั่นลดค่าการกลั่นเป็นการชั่วคราว เพื่อหวังราคาหน้าปั๊มลดต่ำที่สุด ในขณะที่​เงินเฟ้อในไทยพุ่งต่อเนื่อง และกองทุนน้ำมันฯ ทำสถิติติดลบสูงสุดกว่า 8.7 หมื่นล้านบาท และสถาบันการเงิน​ยังไม่อนุมัติปล่อยกู้เสริมสภาพคล่อง

นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก ประชุมร่วมกับนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เพื่อร่วมกันหาทางออกด้านราคาพลังงานแพง ปรับโครงสร้างการคำนวณให้เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบกับประชาชน โดยหารือทั้งเรื่องราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และราคาน้ำมัน โดยทางนายกุลิศ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนฯ ไปพิจารณารายละเอียดทั้งหมด


ในส่วนของราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊ม ซึ่งในขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนักจากราคาที่ขึ้นถี่ แม้จะรับทราบกันดีว่าเป็นผลมาจากการปรับขึ้นของราคาตลาดโลก แต่เพื่อร่วมลดผลกระทบเป็นการชั่วคราว ทางกลุ่มฯ จึงเสนอภาครัฐให้พิจารณาขอความร่วมมือกับเอกชน ขอให้ผู้ค้าน้ำมันปรับหลักการคำนวณราคาขายปลีกหน้าปั๊มจากการอิงราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ 2 วันย้อนหลัง เป็น 14 วันย้อนหลัง

ส่วนราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมัน ได้เสนอให้ขอความร่วมมือชั่วคราว จำกัดค่าการกลั่นเป็นไม่เกิน 1.50 บาท/ลิตร เป็นการช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤติเท่านั้น เพราะจะเห็นได้ว่า ในช่วงไตรมาส 2/65 ค่าการกลั่นสูงถึง 5 บาท/ลิตร จากที่ไตรมาส 1/65 ได้ราว 1.00-2.00 บาท/ลิตร ซึ่งทางกลุ่มฯ เข้าใจถึงสถานการณ์การขาดทุนของโรงกลั่นน้ำมัน ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ที่ขาดทุนรวมกัน 3 หมื่นล้านบาท แต่ในปี 2564 เริ่มฟื้นตัวมีกำไร และปี 65 ก็มีกำไรสูงมาก ดังนั้น ในภาวะเช่นนี้ก็น่าจะมาแบ่งปันทุกข์และสุขกับประชาชนร่วมกัน

ส่วนที่โรงกลั่นฯ ระบุว่า จำเป็นต้องใช้กำไรเพื่อลงทุนด้านการปรับปรุงโรงกลั่นฯ 5 หมื่นล้านบาท เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำมันที่ดีขึ้น ดูแลสิ่งแวดล้อม ตามข้อกำหนดมาตรฐานยูโร 5 ในปี 2567 ทางกลุ่มฯ ได้เสนอขอให้รัฐบาลเลื่อนการบังคับใช้ไปก่อน เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และหากเทียบมาตรฐานน้ำมันในอาเซียนแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า มาตรฐานไทยสูงกว่าอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเร่งเป็นยูโร 5


“ช่วงนี้การดูแลปากท้องประชาชนน่าจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และบ้านเราน้ำมันผสมเชื้อเพลิงชีวภาพ ก็ร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้น ก็น่าจะเลื่อนบังคับใช้ยูโร 5 ไปก่อน ต้นทุนเหล่านี้ล้วนมาส่งต่อให้ประชาชนทั้งสิ้น และภาวะวิกฤติเช่นนี้ก็น่าจะทบทวนโครงสร้างราคาพลังงานทั้งหมด และในต่างประเทศ เช่น เยอรมนีก็ดูเรื่องค่าการกลั่น มีการเก็บภาษีลาภลอย นำมาช่วยประชาชน” นายอิฐบูรณ์ กล่าว

ส่วนเรื่องราคาก๊าซหุงต้ม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณะทำงานเพื่อราคาพลังงานที่เป็นธรรม (ภาคประชาชน) กล่าวว่า ทางกลุ่มฯ เสนอให้ยกเลิกโครงสร้างราคาในปัจจุบัน และย้อนกลับไปใช้โครงสร้างราคาช่วงการปฏิวัติ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยขอให้ใช้ราคาหน้าโรงแยกก๊าซฯ ที่ 333 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และให้ยกเลิกสูตรราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันและโรงอะโรเมติกส์ ณ ปัจจุบัน และให้กำหนดราคา ร้อยละ 24 ของราคาโรงแยกที่ 333 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน + ร้อยละ 76 ของราคาตลาดโลก (CP) ตามมติเดิมของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 ส่วนที่มีการนำเข้า ให้อ้างอิงราคาตลาดโลก (CP) + ค่าใช้จ่ายในการนำเข้า โดยมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) 23 พฤษภาคม 2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้เริ่ม 1 เมษายน 2551 ตามเดิม พร้อมทั้งควรกำหนดราคาจัดหา ณ คลังก๊าซใหม่ เฉลี่ยราคาแบบถ่วงน้ำหนักจากแหล่งผลิต

“จากการแก้ไขโครงสร้างราคาแก๊สหุงต้ม หรือ LPG มาเป็นอัตราปัจจุบัน ทำให้คนไทยต้องใช้ก๊าซหุงต้มในราคาตลาดโลกบวกค่าใช้จ่ายสมมติว่านำเข้าจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ราคาสูงขึ้น ทั้งที่หากย้อนข้อมูลทางสถิติของกระทรวงพลังงาน ปี 2564 ประมาณการผลิตก๊าซหุงต้มได้มากจากโรงแยกก๊าซ ประมาณ 54% และผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันประมาณ 37% นำเข้าเพียง 9% เราสามารถผลิตได้เองในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ราคาขายปลีกที่อ้างอิงราคาตลาดโลกเป็นการสร้างภาระให้ประชาชน และกองทุนน้ำมันฯ ต้องนำเงินจากผู้ใช้นำมันมาชดเชยราคาก๊าซหุงต้นประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2565)” นายปานเทพ กล่าว

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากกระแสลดค่าการกลั่นฯ จะเห็นได้ว่ามีแรงขายทำกำไรหุ้น บมจ.ไทยออยล์ (TOP) และ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ค่าการกลั่นล่าสุดย่อตัวลงมาอยู่ที่ 20.24 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากที่ขึ้นไปสูงสุดที่ 25.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล (เมื่อ 3 มิ.ย.65) ซึ่งการที่เซี่ยงไฮ้ของจีนกลับมาล็อกดาวน์บางส่วน เริ่มตั้งแต่ 11 มิ.ย. ก็คาดว่าดีมานด์น้ำมันจะลดลงรับผลกระทบระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำ “ซื้อ” TOP และ SPRC เนื่องจากค่าการกลั่นเฉลี่ยในไตรมาส 2/65 ยังคงสูง โดยปัจจุบันเฉลี่ยที่ 20.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 8.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า โอกาสลดค่าการกลั่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในอดีตมีความพยายามปรับปรุงค่าการกลั่นหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากตลาดน้ำมันสำเร็จรูปเป็นแบบเสรี และกรณีมีการปรับปรุงไม่สอดคล้องกับราคาในตลาดโลก อาจทำให้โรงกลั่นหันไปส่งออกแทน

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่ม BCP เปิดเผยว่า คงต้องรอดูมาตรการของภาครัฐที่จะออกมาก่อน ว่าจะมีการปรับลดค่าการกลั่นลงหรือไม่ ปัจจุบันตลาดน้ำมันในประเทศไทยเป็นตลาดเสรี ใช้กลไกตลาดโลกที่มีดีมานด์และซัพพลาย แต่ในช่วงนี้ราคาพลังงานมีความผันผวน ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้โรงกลั่นฯ บางแห่งต้องปิดไป เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำมันสำเร็จรูป และล่าสุดจีนก็ไม่ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเช่นกัน ขณะเดียวกัน หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ได้มาจากค่าการกลั่นของโรงกลั่นฯ แต่อย่างใด

นอกจากนี้ ค่าการกลั่นของแต่ละโรงกลั่นฯ ก็แตกต่างกันออกไป บางโรงกลั่นน้ำมันหนักก็มีต้นทุนต่ำ ส่วนบางโรง เช่น บางจากฯ กลั่นน้ำมันเบา มีต้นทุนสูงกว่า ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาก็แตกต่างกันด้วย ทั้งเบนซิน ดีเซล LPG น้ำมันอากาศยาน และน้ำมันเตา แต่ละโรงจะมีค่าการกลั่นและราคาขายผลิตภัณฑ์ไม่เท่ากัน ค่าการกลั่นจึงเป็นกำไรขั้นต้น โดยต้นทุนทั้งหมดก็ต้องดูต้นทุนทุกด้าน บวกค่าบริหารจัดการ ค่าเสื่อม ค่าดอกเบี้ย เข้าไปด้วย

“ราคาพลังงานสูง หลายประเทศก็มีมาตรการดูแลแตกต่างกัน จีนห้ามส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป ส่งผลให้ปริมาณในประเทศพอเพียง ไม่ขาดแคลน สุดท้ายก็สะท้อนมาที่ราคาขายปลีก ส่วนยุโรปอยู่ที่ระดับ 70-90 บาท/ลิตร ที่ผ่านมาบางจากฯ ได้ตรึงราคาน้ำมันและปรับขึ้นช้า รวมทั้งให้ส่วนลดราคาน้ำมัน เพื่อดูแลผู้บริโภคด้วย” นายชัยวัฒน์ ​กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย