จับตาพรุ่งนี้ กบน.ประกาศดีเซล 35 บาทหรือไม่

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – พรุ่งนี้ กบน.หารือราคาดีเซลจะขยับขึ้นเป็น 35 บาท หรือไม่​ ในขณะที่ภาคประชาชนเสนอรื้อสูตรทั้งค่าการกลั่น-ราคาหน้าปั๊ม-แอลพีจี ด้านบางจากฯ รอนโยบายรัฐ แจงโรงกลั่นแต่ละแห่งต้นทุนแตกต่างกัน และราคาขายปลีกไม่ได้ผันแปรตามค่าการกลั่น


ผู้สื่อข่าว​รายงานว่า วันพรุ่งนี้ ​(13 มิ.ย.) นายสุพัฒนพงษ์​ พันธ์​มี​เชาว์​ รอง​นาย​กรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุม​คณะกรรมการ​บริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ​(กบน.)​ หารือราคาดีเซลรายสัปดาห์ที่ทยอยขึ้น โดยหากอนุมัติขึ้นราคาก็จะไม่เกิน 1 บาท/ลิตร ซึ่งจะส่งผลให้ราคาแตะ 35 บาท/ลิตร ส่วนข้อเรียกร้องลดค่าการกลั่น​น้ำมันนั้น​ รมว.พลังงาน สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาทั้งแง่กฎหมาย และขอความร่วมมือโรงกลั่นลดค่าการกลั่นเป็นการชั่วคราว เพื่อหวังราคาหน้าปั๊มลดต่ำที่สุด ในขณะที่​เงินเฟ้อในไทยพุ่งต่อเนื่อง และกองทุนน้ำมันฯ ทำสถิติติดลบสูงสุดกว่า 8.7 หมื่นล้านบาท และสถาบันการเงิน​ยังไม่อนุมัติปล่อยกู้เสริมสภาพคล่อง

นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก ประชุมร่วมกับนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เพื่อร่วมกันหาทางออกด้านราคาพลังงานแพง ปรับโครงสร้างการคำนวณให้เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบกับประชาชน โดยหารือทั้งเรื่องราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และราคาน้ำมัน โดยทางนายกุลิศ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนฯ ไปพิจารณารายละเอียดทั้งหมด


ในส่วนของราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊ม ซึ่งในขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนักจากราคาที่ขึ้นถี่ แม้จะรับทราบกันดีว่าเป็นผลมาจากการปรับขึ้นของราคาตลาดโลก แต่เพื่อร่วมลดผลกระทบเป็นการชั่วคราว ทางกลุ่มฯ จึงเสนอภาครัฐให้พิจารณาขอความร่วมมือกับเอกชน ขอให้ผู้ค้าน้ำมันปรับหลักการคำนวณราคาขายปลีกหน้าปั๊มจากการอิงราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ 2 วันย้อนหลัง เป็น 14 วันย้อนหลัง

ส่วนราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมัน ได้เสนอให้ขอความร่วมมือชั่วคราว จำกัดค่าการกลั่นเป็นไม่เกิน 1.50 บาท/ลิตร เป็นการช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤติเท่านั้น เพราะจะเห็นได้ว่า ในช่วงไตรมาส 2/65 ค่าการกลั่นสูงถึง 5 บาท/ลิตร จากที่ไตรมาส 1/65 ได้ราว 1.00-2.00 บาท/ลิตร ซึ่งทางกลุ่มฯ เข้าใจถึงสถานการณ์การขาดทุนของโรงกลั่นน้ำมัน ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ที่ขาดทุนรวมกัน 3 หมื่นล้านบาท แต่ในปี 2564 เริ่มฟื้นตัวมีกำไร และปี 65 ก็มีกำไรสูงมาก ดังนั้น ในภาวะเช่นนี้ก็น่าจะมาแบ่งปันทุกข์และสุขกับประชาชนร่วมกัน

ส่วนที่โรงกลั่นฯ ระบุว่า จำเป็นต้องใช้กำไรเพื่อลงทุนด้านการปรับปรุงโรงกลั่นฯ 5 หมื่นล้านบาท เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำมันที่ดีขึ้น ดูแลสิ่งแวดล้อม ตามข้อกำหนดมาตรฐานยูโร 5 ในปี 2567 ทางกลุ่มฯ ได้เสนอขอให้รัฐบาลเลื่อนการบังคับใช้ไปก่อน เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และหากเทียบมาตรฐานน้ำมันในอาเซียนแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า มาตรฐานไทยสูงกว่าอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเร่งเป็นยูโร 5


“ช่วงนี้การดูแลปากท้องประชาชนน่าจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และบ้านเราน้ำมันผสมเชื้อเพลิงชีวภาพ ก็ร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้น ก็น่าจะเลื่อนบังคับใช้ยูโร 5 ไปก่อน ต้นทุนเหล่านี้ล้วนมาส่งต่อให้ประชาชนทั้งสิ้น และภาวะวิกฤติเช่นนี้ก็น่าจะทบทวนโครงสร้างราคาพลังงานทั้งหมด และในต่างประเทศ เช่น เยอรมนีก็ดูเรื่องค่าการกลั่น มีการเก็บภาษีลาภลอย นำมาช่วยประชาชน” นายอิฐบูรณ์ กล่าว

ส่วนเรื่องราคาก๊าซหุงต้ม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณะทำงานเพื่อราคาพลังงานที่เป็นธรรม (ภาคประชาชน) กล่าวว่า ทางกลุ่มฯ เสนอให้ยกเลิกโครงสร้างราคาในปัจจุบัน และย้อนกลับไปใช้โครงสร้างราคาช่วงการปฏิวัติ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยขอให้ใช้ราคาหน้าโรงแยกก๊าซฯ ที่ 333 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และให้ยกเลิกสูตรราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันและโรงอะโรเมติกส์ ณ ปัจจุบัน และให้กำหนดราคา ร้อยละ 24 ของราคาโรงแยกที่ 333 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน + ร้อยละ 76 ของราคาตลาดโลก (CP) ตามมติเดิมของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 ส่วนที่มีการนำเข้า ให้อ้างอิงราคาตลาดโลก (CP) + ค่าใช้จ่ายในการนำเข้า โดยมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) 23 พฤษภาคม 2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้เริ่ม 1 เมษายน 2551 ตามเดิม พร้อมทั้งควรกำหนดราคาจัดหา ณ คลังก๊าซใหม่ เฉลี่ยราคาแบบถ่วงน้ำหนักจากแหล่งผลิต

“จากการแก้ไขโครงสร้างราคาแก๊สหุงต้ม หรือ LPG มาเป็นอัตราปัจจุบัน ทำให้คนไทยต้องใช้ก๊าซหุงต้มในราคาตลาดโลกบวกค่าใช้จ่ายสมมติว่านำเข้าจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ราคาสูงขึ้น ทั้งที่หากย้อนข้อมูลทางสถิติของกระทรวงพลังงาน ปี 2564 ประมาณการผลิตก๊าซหุงต้มได้มากจากโรงแยกก๊าซ ประมาณ 54% และผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันประมาณ 37% นำเข้าเพียง 9% เราสามารถผลิตได้เองในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ราคาขายปลีกที่อ้างอิงราคาตลาดโลกเป็นการสร้างภาระให้ประชาชน และกองทุนน้ำมันฯ ต้องนำเงินจากผู้ใช้นำมันมาชดเชยราคาก๊าซหุงต้นประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2565)” นายปานเทพ กล่าว

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากกระแสลดค่าการกลั่นฯ จะเห็นได้ว่ามีแรงขายทำกำไรหุ้น บมจ.ไทยออยล์ (TOP) และ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ค่าการกลั่นล่าสุดย่อตัวลงมาอยู่ที่ 20.24 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากที่ขึ้นไปสูงสุดที่ 25.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล (เมื่อ 3 มิ.ย.65) ซึ่งการที่เซี่ยงไฮ้ของจีนกลับมาล็อกดาวน์บางส่วน เริ่มตั้งแต่ 11 มิ.ย. ก็คาดว่าดีมานด์น้ำมันจะลดลงรับผลกระทบระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำ “ซื้อ” TOP และ SPRC เนื่องจากค่าการกลั่นเฉลี่ยในไตรมาส 2/65 ยังคงสูง โดยปัจจุบันเฉลี่ยที่ 20.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 8.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า โอกาสลดค่าการกลั่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในอดีตมีความพยายามปรับปรุงค่าการกลั่นหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากตลาดน้ำมันสำเร็จรูปเป็นแบบเสรี และกรณีมีการปรับปรุงไม่สอดคล้องกับราคาในตลาดโลก อาจทำให้โรงกลั่นหันไปส่งออกแทน

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่ม BCP เปิดเผยว่า คงต้องรอดูมาตรการของภาครัฐที่จะออกมาก่อน ว่าจะมีการปรับลดค่าการกลั่นลงหรือไม่ ปัจจุบันตลาดน้ำมันในประเทศไทยเป็นตลาดเสรี ใช้กลไกตลาดโลกที่มีดีมานด์และซัพพลาย แต่ในช่วงนี้ราคาพลังงานมีความผันผวน ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้โรงกลั่นฯ บางแห่งต้องปิดไป เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำมันสำเร็จรูป และล่าสุดจีนก็ไม่ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเช่นกัน ขณะเดียวกัน หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ได้มาจากค่าการกลั่นของโรงกลั่นฯ แต่อย่างใด

นอกจากนี้ ค่าการกลั่นของแต่ละโรงกลั่นฯ ก็แตกต่างกันออกไป บางโรงกลั่นน้ำมันหนักก็มีต้นทุนต่ำ ส่วนบางโรง เช่น บางจากฯ กลั่นน้ำมันเบา มีต้นทุนสูงกว่า ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาก็แตกต่างกันด้วย ทั้งเบนซิน ดีเซล LPG น้ำมันอากาศยาน และน้ำมันเตา แต่ละโรงจะมีค่าการกลั่นและราคาขายผลิตภัณฑ์ไม่เท่ากัน ค่าการกลั่นจึงเป็นกำไรขั้นต้น โดยต้นทุนทั้งหมดก็ต้องดูต้นทุนทุกด้าน บวกค่าบริหารจัดการ ค่าเสื่อม ค่าดอกเบี้ย เข้าไปด้วย

“ราคาพลังงานสูง หลายประเทศก็มีมาตรการดูแลแตกต่างกัน จีนห้ามส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป ส่งผลให้ปริมาณในประเทศพอเพียง ไม่ขาดแคลน สุดท้ายก็สะท้อนมาที่ราคาขายปลีก ส่วนยุโรปอยู่ที่ระดับ 70-90 บาท/ลิตร ที่ผ่านมาบางจากฯ ได้ตรึงราคาน้ำมันและปรับขึ้นช้า รวมทั้งให้ส่วนลดราคาน้ำมัน เพื่อดูแลผู้บริโภคด้วย” นายชัยวัฒน์ ​กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]