fbpx

จับตาพรุ่งนี้ กบน.ประกาศดีเซล 35 บาทหรือไม่

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – พรุ่งนี้ กบน.หารือราคาดีเซลจะขยับขึ้นเป็น 35 บาท หรือไม่​ ในขณะที่ภาคประชาชนเสนอรื้อสูตรทั้งค่าการกลั่น-ราคาหน้าปั๊ม-แอลพีจี ด้านบางจากฯ รอนโยบายรัฐ แจงโรงกลั่นแต่ละแห่งต้นทุนแตกต่างกัน และราคาขายปลีกไม่ได้ผันแปรตามค่าการกลั่น


ผู้สื่อข่าว​รายงานว่า วันพรุ่งนี้ ​(13 มิ.ย.) นายสุพัฒนพงษ์​ พันธ์​มี​เชาว์​ รอง​นาย​กรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุม​คณะกรรมการ​บริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ​(กบน.)​ หารือราคาดีเซลรายสัปดาห์ที่ทยอยขึ้น โดยหากอนุมัติขึ้นราคาก็จะไม่เกิน 1 บาท/ลิตร ซึ่งจะส่งผลให้ราคาแตะ 35 บาท/ลิตร ส่วนข้อเรียกร้องลดค่าการกลั่น​น้ำมันนั้น​ รมว.พลังงาน สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาทั้งแง่กฎหมาย และขอความร่วมมือโรงกลั่นลดค่าการกลั่นเป็นการชั่วคราว เพื่อหวังราคาหน้าปั๊มลดต่ำที่สุด ในขณะที่​เงินเฟ้อในไทยพุ่งต่อเนื่อง และกองทุนน้ำมันฯ ทำสถิติติดลบสูงสุดกว่า 8.7 หมื่นล้านบาท และสถาบันการเงิน​ยังไม่อนุมัติปล่อยกู้เสริมสภาพคล่อง

นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับกลุ่มผีเสื้อกระพือปีก ประชุมร่วมกับนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เพื่อร่วมกันหาทางออกด้านราคาพลังงานแพง ปรับโครงสร้างการคำนวณให้เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบกับประชาชน โดยหารือทั้งเรื่องราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และราคาน้ำมัน โดยทางนายกุลิศ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนฯ ไปพิจารณารายละเอียดทั้งหมด


ในส่วนของราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊ม ซึ่งในขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนักจากราคาที่ขึ้นถี่ แม้จะรับทราบกันดีว่าเป็นผลมาจากการปรับขึ้นของราคาตลาดโลก แต่เพื่อร่วมลดผลกระทบเป็นการชั่วคราว ทางกลุ่มฯ จึงเสนอภาครัฐให้พิจารณาขอความร่วมมือกับเอกชน ขอให้ผู้ค้าน้ำมันปรับหลักการคำนวณราคาขายปลีกหน้าปั๊มจากการอิงราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ 2 วันย้อนหลัง เป็น 14 วันย้อนหลัง

ส่วนราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมัน ได้เสนอให้ขอความร่วมมือชั่วคราว จำกัดค่าการกลั่นเป็นไม่เกิน 1.50 บาท/ลิตร เป็นการช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤติเท่านั้น เพราะจะเห็นได้ว่า ในช่วงไตรมาส 2/65 ค่าการกลั่นสูงถึง 5 บาท/ลิตร จากที่ไตรมาส 1/65 ได้ราว 1.00-2.00 บาท/ลิตร ซึ่งทางกลุ่มฯ เข้าใจถึงสถานการณ์การขาดทุนของโรงกลั่นน้ำมัน ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ที่ขาดทุนรวมกัน 3 หมื่นล้านบาท แต่ในปี 2564 เริ่มฟื้นตัวมีกำไร และปี 65 ก็มีกำไรสูงมาก ดังนั้น ในภาวะเช่นนี้ก็น่าจะมาแบ่งปันทุกข์และสุขกับประชาชนร่วมกัน

ส่วนที่โรงกลั่นฯ ระบุว่า จำเป็นต้องใช้กำไรเพื่อลงทุนด้านการปรับปรุงโรงกลั่นฯ 5 หมื่นล้านบาท เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำมันที่ดีขึ้น ดูแลสิ่งแวดล้อม ตามข้อกำหนดมาตรฐานยูโร 5 ในปี 2567 ทางกลุ่มฯ ได้เสนอขอให้รัฐบาลเลื่อนการบังคับใช้ไปก่อน เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และหากเทียบมาตรฐานน้ำมันในอาเซียนแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า มาตรฐานไทยสูงกว่าอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเร่งเป็นยูโร 5


“ช่วงนี้การดูแลปากท้องประชาชนน่าจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และบ้านเราน้ำมันผสมเชื้อเพลิงชีวภาพ ก็ร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้น ก็น่าจะเลื่อนบังคับใช้ยูโร 5 ไปก่อน ต้นทุนเหล่านี้ล้วนมาส่งต่อให้ประชาชนทั้งสิ้น และภาวะวิกฤติเช่นนี้ก็น่าจะทบทวนโครงสร้างราคาพลังงานทั้งหมด และในต่างประเทศ เช่น เยอรมนีก็ดูเรื่องค่าการกลั่น มีการเก็บภาษีลาภลอย นำมาช่วยประชาชน” นายอิฐบูรณ์ กล่าว

ส่วนเรื่องราคาก๊าซหุงต้ม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณะทำงานเพื่อราคาพลังงานที่เป็นธรรม (ภาคประชาชน) กล่าวว่า ทางกลุ่มฯ เสนอให้ยกเลิกโครงสร้างราคาในปัจจุบัน และย้อนกลับไปใช้โครงสร้างราคาช่วงการปฏิวัติ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยขอให้ใช้ราคาหน้าโรงแยกก๊าซฯ ที่ 333 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และให้ยกเลิกสูตรราคา ณ โรงกลั่นน้ำมันและโรงอะโรเมติกส์ ณ ปัจจุบัน และให้กำหนดราคา ร้อยละ 24 ของราคาโรงแยกที่ 333 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน + ร้อยละ 76 ของราคาตลาดโลก (CP) ตามมติเดิมของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 ส่วนที่มีการนำเข้า ให้อ้างอิงราคาตลาดโลก (CP) + ค่าใช้จ่ายในการนำเข้า โดยมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) 23 พฤษภาคม 2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้เริ่ม 1 เมษายน 2551 ตามเดิม พร้อมทั้งควรกำหนดราคาจัดหา ณ คลังก๊าซใหม่ เฉลี่ยราคาแบบถ่วงน้ำหนักจากแหล่งผลิต

“จากการแก้ไขโครงสร้างราคาแก๊สหุงต้ม หรือ LPG มาเป็นอัตราปัจจุบัน ทำให้คนไทยต้องใช้ก๊าซหุงต้มในราคาตลาดโลกบวกค่าใช้จ่ายสมมติว่านำเข้าจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ราคาสูงขึ้น ทั้งที่หากย้อนข้อมูลทางสถิติของกระทรวงพลังงาน ปี 2564 ประมาณการผลิตก๊าซหุงต้มได้มากจากโรงแยกก๊าซ ประมาณ 54% และผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันประมาณ 37% นำเข้าเพียง 9% เราสามารถผลิตได้เองในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ราคาขายปลีกที่อ้างอิงราคาตลาดโลกเป็นการสร้างภาระให้ประชาชน และกองทุนน้ำมันฯ ต้องนำเงินจากผู้ใช้นำมันมาชดเชยราคาก๊าซหุงต้นประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2565)” นายปานเทพ กล่าว

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากกระแสลดค่าการกลั่นฯ จะเห็นได้ว่ามีแรงขายทำกำไรหุ้น บมจ.ไทยออยล์ (TOP) และ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ค่าการกลั่นล่าสุดย่อตัวลงมาอยู่ที่ 20.24 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากที่ขึ้นไปสูงสุดที่ 25.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล (เมื่อ 3 มิ.ย.65) ซึ่งการที่เซี่ยงไฮ้ของจีนกลับมาล็อกดาวน์บางส่วน เริ่มตั้งแต่ 11 มิ.ย. ก็คาดว่าดีมานด์น้ำมันจะลดลงรับผลกระทบระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำ “ซื้อ” TOP และ SPRC เนื่องจากค่าการกลั่นเฉลี่ยในไตรมาส 2/65 ยังคงสูง โดยปัจจุบันเฉลี่ยที่ 20.30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 8.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า โอกาสลดค่าการกลั่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในอดีตมีความพยายามปรับปรุงค่าการกลั่นหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากตลาดน้ำมันสำเร็จรูปเป็นแบบเสรี และกรณีมีการปรับปรุงไม่สอดคล้องกับราคาในตลาดโลก อาจทำให้โรงกลั่นหันไปส่งออกแทน

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่ม BCP เปิดเผยว่า คงต้องรอดูมาตรการของภาครัฐที่จะออกมาก่อน ว่าจะมีการปรับลดค่าการกลั่นลงหรือไม่ ปัจจุบันตลาดน้ำมันในประเทศไทยเป็นตลาดเสรี ใช้กลไกตลาดโลกที่มีดีมานด์และซัพพลาย แต่ในช่วงนี้ราคาพลังงานมีความผันผวน ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้โรงกลั่นฯ บางแห่งต้องปิดไป เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำมันสำเร็จรูป และล่าสุดจีนก็ไม่ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเช่นกัน ขณะเดียวกัน หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ได้มาจากค่าการกลั่นของโรงกลั่นฯ แต่อย่างใด

นอกจากนี้ ค่าการกลั่นของแต่ละโรงกลั่นฯ ก็แตกต่างกันออกไป บางโรงกลั่นน้ำมันหนักก็มีต้นทุนต่ำ ส่วนบางโรง เช่น บางจากฯ กลั่นน้ำมันเบา มีต้นทุนสูงกว่า ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาก็แตกต่างกันด้วย ทั้งเบนซิน ดีเซล LPG น้ำมันอากาศยาน และน้ำมันเตา แต่ละโรงจะมีค่าการกลั่นและราคาขายผลิตภัณฑ์ไม่เท่ากัน ค่าการกลั่นจึงเป็นกำไรขั้นต้น โดยต้นทุนทั้งหมดก็ต้องดูต้นทุนทุกด้าน บวกค่าบริหารจัดการ ค่าเสื่อม ค่าดอกเบี้ย เข้าไปด้วย

“ราคาพลังงานสูง หลายประเทศก็มีมาตรการดูแลแตกต่างกัน จีนห้ามส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป ส่งผลให้ปริมาณในประเทศพอเพียง ไม่ขาดแคลน สุดท้ายก็สะท้อนมาที่ราคาขายปลีก ส่วนยุโรปอยู่ที่ระดับ 70-90 บาท/ลิตร ที่ผ่านมาบางจากฯ ได้ตรึงราคาน้ำมันและปรับขึ้นช้า รวมทั้งให้ส่วนลดราคาน้ำมัน เพื่อดูแลผู้บริโภคด้วย” นายชัยวัฒน์ ​กล่าว. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้อพยพจากไทยคว้าแจ็กพอตเพาเวอร์บอล

ผู้อพยพจากไทยไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐดวงเฮง คว้ารางวัลแจ็กพอตลอตเตอรี่เพาเวอร์บอล ได้เงินรางวัลสูงถึง 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจสเปก “ผบ.ตร.คนใหม่” ต้องซื่อสัตย์สุจริต

“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจสเปก “ผบ.ตร.คนใหม่” ต้องซื่อสัตย์สุจริต ชี้ประชาชนเบื่อมากข่าวนายตำรวจระดับสูง ควรเร่งทำงานสร้างความปลอดภัยให้ประชาชน

นายกฯ บอกขอโทษ “ปานปรีย์” แล้ว ไม่ขัดแย้ง

นายกฯ เผยขอโทษ “ปานปรีย์” แล้วหลังหลุดรองนายกฯ รับมีทั้งคนพอใจ ไม่พอใจ ยันสัมพันธ์ลูกเป็นเพื่อนกัน ไม่ขัดแย้ง เชื่อคนใหม่สานต่องานได้  

“ปานปรีย์” รับยื่นลาออก หลังถูกปรับพ้นรองนายกฯ

“ปานปรีย์” ยอมรับยื่นลาออก หลังถูกปรับออกจากรองนายกฯ ชี้หากไม่มีตำแหน่งพ่วงอาจทำงานไม่ราบรื่น ลั่นหากมีคนอื่นเหมาะสมกว่าให้มาทำงานแทน

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ “มาริษ” รมว.กต.คนใหม่

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้ง “มาริษ” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ แทน “ปานปรีย์” ที่ลาออกจากตำแหน่ง มีผลทันที

นายกฯ ย้ำไม่ลืมคำมั่นเพิ่มค่าแรง ชี้ต้องเพียงพอดำรงชีวิต

เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความไม่ลืมคำมั่นเพิ่มเงินเดือนและค่าแรงขั้นต่ำ ย้ำเงินเดือนต้องเพียงพอในการดำรงชีวิต

ข้าราชการบรรจุใหม่เฮ! ปรับขึ้นเงินเดือน 1 พ.ค.67-68

รัฐบาลขึ้นเงินเดือนข้าราชการกลุ่มบรรจุใหม่ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (1 พฤษภาคม 2567) หลังจัดงบประมาณไว้รองรับแล้ว ส่วนปี 2568 พร้อมขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี แตะ 18,000 บาท