กรุงเทพฯ 6 มิ.ย.- EXIM BANK ขานรับนโยบายกระทรวงการคลัง เดินหน้าสานพลัง 3 สภา ได้แก่ สภาหอฯ ส.อ.ท. และ สรท. พร้อมด้วย CMMU สร้างผู้ประกอบการตลอดห่วงโซ่การส่งออก โดยจัดให้มี Ecosystem ที่เสริมสร้างสภาพคล่องทางการเงินให้ผู้ประกอบการ จัดหนักสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสุด 4.5% ต่อปี ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันฟรี! ค่าธรรมเนียม แถม! กรมธรรม์ประกันการส่งออก คุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โครงการความร่วมมือสนับสนุนผู้ประกอบการตลอด Value Chain ของภาคการส่งออก โดยมี ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทรกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (สภาหอฯ)
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ร่วมลงนามใน MOU ดังกล่าว และโครงการความร่วมมือด้านวิชาการเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้วยทักษะและสมรรถนะในโลกการค้ายุคใหม่ โดยมี รศ.ดร.วิชิตา รักธรรม คณบดีวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) เข้าร่วมลงนามใน MOU ดังกล่าว ร่วมกับ EXIM BANK สภาหอฯ ส.อ.ท. และ สรท. ณ ห้องวายุภักษ์ 4 กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565
รมว.คลัง กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SMEs ในระบบประมาณ 3.1 ล้านราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ส่งออกไม่ถึง 1% ขณะที่การจ้างงานของประเทศโดยรวมมีประมาณ 17 ล้านคน เป็นการจ้างงานของผู้ประกอบการ SMEs ถึง 12 ล้านคน หรือคิดเป็น 70% ของการจ้างงานทั้งหมด ดังนั้น การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยผันตัวเป็นผู้ส่งออกได้และแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลกยุคใหม่ จะทำให้ SMEs มีงานทำและรายได้เพิ่มขึ้น ภาคการส่งออกมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK กับพันธมิตรในครั้งนี้เป็นการบูรณาการการทำงานระหว่างภาครัฐ ภาคการเงินการธนาคาร ภาคธุรกิจ และสถาบันการศึกษา เพื่อสร้างความเข้มแข็งของธุรกิจทุกระดับตลอดทั้งห่วงโซ่การส่งออกทั้งในมิติของเงินทุน องค์ความรู้ และเครื่องมือต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีภูมิต้านทานการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เพื่อให้ภาคการส่งออกยังเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้ พร้อมกับวางรากฐานการพัฒนาห่วงโซ่การส่งออกในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พาณิชยนาวี โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมที่เป็นพื้นฐานของประเทศตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของการพัฒนาประเทศ โดยสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในหลาย ๆ ด้าน อาทิ การพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) การพัฒนาระบบและกลไกภาครัฐและสภาพแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพในการสนับสนุนผู้ประกอบการ การส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจรวมถึงภาคเกษตรกรรม การขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ และการพัฒนาที่สร้างความเข้มแข็งจากฐานราก
โครงการความร่วมมือสนับสนุนผู้ประกอบการตลอด Value Chain ของภาคการส่งออก ผู้ประกอบการไทยที่เป็นสมาชิกสภาหอฯ ส.อ.ท. และ สรท. สามารถสมัครขอรับบริการด้านสินเชื่อจาก EXIM BANK ได้ สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นส่งออก ผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออก ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทางบก ทางเรือ หรือทางอากาศ อัตราดอกเบี้ยพิเศษต่ำสุด 4.5% ต่อปี (ลดดอกเบี้ยจากปกติลง 0.5% ต่อปี) ในปีแรก ฟรี! ค่าธรรมเนียม Front-end Fee โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แถม! กรมธรรม์ประกันการส่งออก EXIM for Small Biz (ฟรี! เบี้ยประกัน 3,000 บาท) อนุมัติสินเชื่อเร็วภายใน 7 วันทำการ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ธันวาคม 2565
โครงการความร่วมมือด้านวิชาการเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้วยทักษะและสมรรถนะในโลกการค้ายุคใหม่ผู้ประกอบการไทยที่เป็นสมาชิกสภาหอฯ ส.อ.ท. และ สรท. สามารถสมัครเข้าอบรมหลักสูตรที่ EXIM BANK กำลังพัฒนาร่วมกับ CMMU โดยเนื้อหาอบรมเข้าใจง่าย ระยะเวลาอบรมสั้น และได้ฟังประสบการณ์จริงจากผู้ส่งออกที่ประสบความสำเร็จในการปรับตัวสู่โลก Next Normal ในไตรมาส 3 นี้
ทั้งสองโครงการจะนำไปสู่การจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) โดย EXIM BANK จะทำงานร่วมกับทีมประเทศไทยนำพาผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ตลาดโลกยุค Next Normal ทั้งทางออนไลน์และรุกตลาดใหม่ โดยเฉพาะ CLMV ประกอบด้วยกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่ง EXIM BANK จัดตั้งสำนักงานผู้แทนใน CLMV ครบทั้ง 4 แห่งแล้ว นำไปสู่การสร้าง Ecosystem วงจรการค้าที่ขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกและเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน เชื่อมโยงกับการพัฒนาในมิติสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาคอาเซียน และประชาคมโลกโดยรวม.-สำนักข่าวไทย