ลุ้น! สางปัญหาสายสีเขียววันนี้ เผย กทม.เล็งคืนส่วนต่อขยายให้ รฟม.  

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย.- จับตา กทม.หารือมหาดไทย สางปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว เผยแนวทาง “ชัชชาติ” พร้อมโอนคืนส่วนต่อขยายให้ รฟม. ช่วย กทม.ไม่ต้องรับภาระหนี้กว่า 60,000 ล้านบาท สนับสนุนโมเดลโครงข่ายรถไฟฟ้าเจ้าของเดียว “One Owner” ภายใต้กำกับกระทรวงคมนาคม ผลักดันราคาเหมาะสม เดินทางเชื่อมต่อมีประสิทธิภาพ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกำหนดการวันนี้ที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีกำหนดการจะเข้าพบหารือกับพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีหลายประเด็น ซึ่งเป็นวาระที่จะหารือร่วมกัน โดยเฉพาะประเด็นปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ได้รับการจับตา ทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาระหนี้มหาศาล ประเด็นการต่อขยายสัมปทาน ในส่วนของสัมปทานของบีทีเอสเดิม (หมอชิต-อ่อนนุช) ที่สัมปทานจะหมดลงในปี 2572 รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายนี้ ที่หลายฝ่ายต้องการเห็นการปรับลดราคาให้ถูกลงเกิดประโยชน์กับผู้ใช้บริการมากที่สุด

ทั้งนี้ ตามแนวคิดของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะโอนโครงสร้างพื้นฐานส่วนต่อขยายสายสีเขียวทั้งด้านเหนือและด้านใต้ คืนให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. หลังจากรัฐบาลได้เคยมีนโยบายให้ รฟม. โอนโครงการส่วนต่อขยายนี้ให้ กทม. เมื่อปี 2562


โดยนายชัชชาติ เห็นว่าการโอนคืนส่วนต่อขยายแก่ รฟม. จะเกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายมากกว่า เช่น กทม. ก็ไม่ต้องรับภาระหนี้การก่อสร้างของ รฟม. และภาระหนี้อื่น ๆ กว่า 60,000 ล้านบาท ส่วนภาระหนี้ค่าจ้างบีทีเอส เดินรถนั้น นายชัชชาติยืนยันว่าจะต้องเข้าไปตรวจสอบข้อกฎหมาย หลังก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคม เคยระบุข้อมูลว่าการจ้างบีทีเอสเดินรถนั้น ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา กทม.ในอดีต และเรื่องนี้คงต้องฟังความเห็นของสภา กทม.ชุดใหม่ ที่มาจากการเลือกตั้งพร้อมกับผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา

ที่สำคัญ การโอนโครงการส่วนต่อขยายกลับไปให้ รฟม. ซึ่งอยู่ภายใต้กำกับของกระทรวงคมนาคม ก็จะทำให้โครงข่ายรถไฟฟ้าทุกระบบ มีสถานะมีเจ้าของและผู้บริหารจัดการคนเดียว หรือ “One Owner” ซึ่งในอนาคตรัฐบาลสามารถผลักดันนโยบายทั้งในเรื่องของราคาค่าโดยสาร “ราคาเดียวทุกโครงข่าย” หรือปรับลดค่าโดยสารให้ถูกลงเพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งทางรางเพิ่มขึ้น

โดยการโอนทรัพย์สินให้ รฟม. อาจครอบคลุมถึงโครงสร้างพื้นฐานและระบบเดินรถไฟฟ้าสัมปทานเดิมของบีทีเอส หลังสัมปทานหมดลงในปี 2572 โดยเมื่อ รฟม. นำโครงการกลับไปบริหารก็สามารถแบ่งส่วนแบ่งรายได้จากการบริหารการเดินรถ คืนให้แก่ กทม. ปีละ 500-1,000 ล้านบาท เพื่อให้ กทม. นำเงินส่วนนี้ไปพัฒนาระบบรถเมล์โดยสาร และระบบขนส่งต่อเชื่อม หรือ feeder เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนผู้เดินทางใน กทม.


ด้านนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. ระบุว่า ในการรับโอนคืนส่วนต่อขยายสายสีเขียวจาก กทม. รวมทั้งสัมปทานเดิมหลังปี 2572 นั้น หากจะดำเนินการตามนโยบายของผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ จะต้องดำเนินการผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และสภา กทม. แต่ที่สำคัญโดยเฉพาะในส่วนของการรับโอนคืนส่วนต่อขยายนั้น ต้องพิจารณาประเด็นสำคัญใน 2 เรื่อง 1. การรับโอนโครงสร้างพื้นฐานคืนในขณะที่ปัจจุบัน ระบบเดินรถเป็นของบีทีเอส การมีแต่โครงสร้างพื้นฐาน กลับมาก็ไม่สามารถเดินรถได้ หากจะเจรจาเพื่อขอซื้อระบบเดินรถจากบีทีเอส ก็คาดว่าต้องใช้เวลา และต้องพิจารณาต่อว่าจะทำยังไงไม่ให้ผู้โดยสารได้รับผลกระทบ 2. ประเด็นภาระหนี้ค่าจ้างเดินรถในส่วนต่อขยายที่บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด มีกับบีทีเอส อีกประมาณ 30,000 ล้านบาท ในส่วนนี้จะแก้ไขปัญหาอย่างไร

“หากจะไปดำเนินการแก้ปัญหาส่วนนี้อาจจะมีทางออกที่สามารถทำได้ แต่ก็ถือว่าค่อนข้างสุดขั้ว แต่ก็ทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชน (บีทีเอส) ในฐานะคู่สัมปทาน จากกันด้วยดี โดยภาครัฐอาจเจรจาขอซื้อสัมปทานคืนก่อนที่จะหมดปี 2572 โดยพิจารณาจากรายได้ค่าตอบแทนที่เอกชนจะมีในแต่ละปี ใน 7 ปีข้างหน้า และซื้อรวมไปถึงระบบเดินรถส่วนต่อขยายด้วย” ผู้ว่าการ รฟม. กล่าว

ส่วนการที่ รฟม. จะรับโอนโครงการสัมปทานเดิม (หมอชิต-อ่อนนุช) มาจาก รฟม. ด้วยนั้น แนวทางนี้รัฐบาลคงต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือสนับสนุน เนื่องจากจะเป็น “บิ๊กดีล” ที่มีมูลค่าสูง หากจะประเมินมูลค่าของโครงข่ายรถไฟฟ้าสัมปทานเดิมที่ขณะนี้มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก โดยตัวเลขมูลค่าโครงการในปัจจุบัน มีมูลค่าสูงถึง 150,000-200,000 ล้านบาททีเดียว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]