ลุ้น! สางปัญหาสายสีเขียววันนี้ เผย กทม.เล็งคืนส่วนต่อขยายให้ รฟม.  

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย.- จับตา กทม.หารือมหาดไทย สางปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว เผยแนวทาง “ชัชชาติ” พร้อมโอนคืนส่วนต่อขยายให้ รฟม. ช่วย กทม.ไม่ต้องรับภาระหนี้กว่า 60,000 ล้านบาท สนับสนุนโมเดลโครงข่ายรถไฟฟ้าเจ้าของเดียว “One Owner” ภายใต้กำกับกระทรวงคมนาคม ผลักดันราคาเหมาะสม เดินทางเชื่อมต่อมีประสิทธิภาพ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกำหนดการวันนี้ที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีกำหนดการจะเข้าพบหารือกับพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีหลายประเด็น ซึ่งเป็นวาระที่จะหารือร่วมกัน โดยเฉพาะประเด็นปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ได้รับการจับตา ทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาระหนี้มหาศาล ประเด็นการต่อขยายสัมปทาน ในส่วนของสัมปทานของบีทีเอสเดิม (หมอชิต-อ่อนนุช) ที่สัมปทานจะหมดลงในปี 2572 รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายนี้ ที่หลายฝ่ายต้องการเห็นการปรับลดราคาให้ถูกลงเกิดประโยชน์กับผู้ใช้บริการมากที่สุด

ทั้งนี้ ตามแนวคิดของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะโอนโครงสร้างพื้นฐานส่วนต่อขยายสายสีเขียวทั้งด้านเหนือและด้านใต้ คืนให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. หลังจากรัฐบาลได้เคยมีนโยบายให้ รฟม. โอนโครงการส่วนต่อขยายนี้ให้ กทม. เมื่อปี 2562


โดยนายชัชชาติ เห็นว่าการโอนคืนส่วนต่อขยายแก่ รฟม. จะเกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายมากกว่า เช่น กทม. ก็ไม่ต้องรับภาระหนี้การก่อสร้างของ รฟม. และภาระหนี้อื่น ๆ กว่า 60,000 ล้านบาท ส่วนภาระหนี้ค่าจ้างบีทีเอส เดินรถนั้น นายชัชชาติยืนยันว่าจะต้องเข้าไปตรวจสอบข้อกฎหมาย หลังก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคม เคยระบุข้อมูลว่าการจ้างบีทีเอสเดินรถนั้น ไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา กทม.ในอดีต และเรื่องนี้คงต้องฟังความเห็นของสภา กทม.ชุดใหม่ ที่มาจากการเลือกตั้งพร้อมกับผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา

ที่สำคัญ การโอนโครงการส่วนต่อขยายกลับไปให้ รฟม. ซึ่งอยู่ภายใต้กำกับของกระทรวงคมนาคม ก็จะทำให้โครงข่ายรถไฟฟ้าทุกระบบ มีสถานะมีเจ้าของและผู้บริหารจัดการคนเดียว หรือ “One Owner” ซึ่งในอนาคตรัฐบาลสามารถผลักดันนโยบายทั้งในเรื่องของราคาค่าโดยสาร “ราคาเดียวทุกโครงข่าย” หรือปรับลดค่าโดยสารให้ถูกลงเพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งทางรางเพิ่มขึ้น

โดยการโอนทรัพย์สินให้ รฟม. อาจครอบคลุมถึงโครงสร้างพื้นฐานและระบบเดินรถไฟฟ้าสัมปทานเดิมของบีทีเอส หลังสัมปทานหมดลงในปี 2572 โดยเมื่อ รฟม. นำโครงการกลับไปบริหารก็สามารถแบ่งส่วนแบ่งรายได้จากการบริหารการเดินรถ คืนให้แก่ กทม. ปีละ 500-1,000 ล้านบาท เพื่อให้ กทม. นำเงินส่วนนี้ไปพัฒนาระบบรถเมล์โดยสาร และระบบขนส่งต่อเชื่อม หรือ feeder เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนผู้เดินทางใน กทม.


ด้านนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. ระบุว่า ในการรับโอนคืนส่วนต่อขยายสายสีเขียวจาก กทม. รวมทั้งสัมปทานเดิมหลังปี 2572 นั้น หากจะดำเนินการตามนโยบายของผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ จะต้องดำเนินการผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และสภา กทม. แต่ที่สำคัญโดยเฉพาะในส่วนของการรับโอนคืนส่วนต่อขยายนั้น ต้องพิจารณาประเด็นสำคัญใน 2 เรื่อง 1. การรับโอนโครงสร้างพื้นฐานคืนในขณะที่ปัจจุบัน ระบบเดินรถเป็นของบีทีเอส การมีแต่โครงสร้างพื้นฐาน กลับมาก็ไม่สามารถเดินรถได้ หากจะเจรจาเพื่อขอซื้อระบบเดินรถจากบีทีเอส ก็คาดว่าต้องใช้เวลา และต้องพิจารณาต่อว่าจะทำยังไงไม่ให้ผู้โดยสารได้รับผลกระทบ 2. ประเด็นภาระหนี้ค่าจ้างเดินรถในส่วนต่อขยายที่บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด มีกับบีทีเอส อีกประมาณ 30,000 ล้านบาท ในส่วนนี้จะแก้ไขปัญหาอย่างไร

“หากจะไปดำเนินการแก้ปัญหาส่วนนี้อาจจะมีทางออกที่สามารถทำได้ แต่ก็ถือว่าค่อนข้างสุดขั้ว แต่ก็ทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชน (บีทีเอส) ในฐานะคู่สัมปทาน จากกันด้วยดี โดยภาครัฐอาจเจรจาขอซื้อสัมปทานคืนก่อนที่จะหมดปี 2572 โดยพิจารณาจากรายได้ค่าตอบแทนที่เอกชนจะมีในแต่ละปี ใน 7 ปีข้างหน้า และซื้อรวมไปถึงระบบเดินรถส่วนต่อขยายด้วย” ผู้ว่าการ รฟม. กล่าว

ส่วนการที่ รฟม. จะรับโอนโครงการสัมปทานเดิม (หมอชิต-อ่อนนุช) มาจาก รฟม. ด้วยนั้น แนวทางนี้รัฐบาลคงต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือสนับสนุน เนื่องจากจะเป็น “บิ๊กดีล” ที่มีมูลค่าสูง หากจะประเมินมูลค่าของโครงข่ายรถไฟฟ้าสัมปทานเดิมที่ขณะนี้มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก โดยตัวเลขมูลค่าโครงการในปัจจุบัน มีมูลค่าสูงถึง 150,000-200,000 ล้านบาททีเดียว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]