เจาะลึกปัญหา “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” กับประโยชน์ผู้ใช้รถไฟฟ้า

กรุงเทพฯ 28 พ.ค. – เจาะลึกปัญหา “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” ท่ามกลางความหวังของประชาชนที่ต่างบ่นว่าค่าโดยสารแพง ขณะที่ “ชัชชาติ” ย่องเงียบลงพื้นที่แยกท่าพระซ้ำอีกรอบ


เจาะลึกปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกจับตาต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2564 ถึงปัจจุบัน เพราะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานและราคาค่าโดยสารสายสีเขียว ที่เคยมีความเห็นต่างกันระหว่าง 2 กระทรวง คือ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทย ล่าสุดหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว กลับมาถูกจับตาอีกครั้งว่าจะมีทางออกไปในทิศทางใด

ทีมข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่สำรวจความเห็นผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าปัญหาที่อยากให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขมากที่สุดคือ “ค่าโดยสารแพง” อยากให้ปรับลดลงมาให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับค่าครองชีพ รวมถึงอยากให้มีการพัฒนาระบบตั๋วโดยสารให้เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นๆ โดยไม่ต้องเสียค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน รวมถึงอยากให้จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าครอบคลุมมากกว่านี้ ซึ่งหลายคนต่างตั้งความหวังว่าผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา เพื่อทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวกและประหยัดมากขึ้น เช่น ผู้โดยสารรายนี้บอกว่าต้องเดินทางมาทำงานในกรุงเทพฯ ทุกวัน แม้ว่าหน้าบ้านจะมีสถานีรถไฟฟ้า แต่ตนเองไม่ได้ขึ้นตั้งแต่ต้นทาง จะเลือกนั่งรถตู้โดยสารมาที่สถานีบีทีเอส หมอชิต เพื่อต่อรถไฟฟ้าเข้าเมืองแทน เพราะหากนั่งรถไฟฟ้าตั้งแต่ต้นทางจะต้องเสียค่าเดินทางถึง 200 บาทต่อเที่ยว จึงอยากให้ช่วยลดค่าโดยสารลงอีก


ส่วนรายนี้ใช้บริการรถไฟฟ้าสานสีเขียวเข้าเมืองแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว เพื่อเลี่ยงรถติด แต่ยังพบว่าปัญหาเส้นทางเดินรถไฟฟ้ายังไม่ครอบคลุม และอยากให้ตั๋วโดยสารเป็นตั๋วใบเดียวที่สามารถเดินทางได้ทุกระบบ เพื่อให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย และปัญหาใหญ่คือ ค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพงมาก อยากให้ลดราคาลงมาเพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน

ส่วนข้อมูลของกรมรางได้มีผลศึกษาเปรียบเทียบวิธีการคำนวณค่าโดยสารตามที่มีการเสนอใหม่ หากจะมีการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยใช้สูตรกำหนดอัตราค่าโดยสารแรกเข้า 15 บาท ค่าโดยสารต่อสถานี 3 บาท หรือเรียกว่าโครงสร้างอัตราค่าโดยสาร หรือ 15+3X โดยใช้ดัชนีราคาที่รวมสินค้าทุกหมวด พบว่าทำให้อัตราค่าโดยสารสูงกว่าการใช้ดัชนีผู้บริโภค ไม่รวมอาหาร เครื่องดื่ม มาคำนวณ

โดยเปรียบเทียบรายได้ตอบแทน เมื่อจัดเก็บค่าโดยสารจากสูตร MRT Assessment Standardization หรือเรียกง่ายๆ คือสูตรการคำนวณค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT และข้อเสนอของ BTS พบว่าข้อเสนอของ BTS จะมีรายได้ตอบแทนค่าโดยสารมากกว่าแบบ MRT ประมาณ 4.6 แสนล้านบาท ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าไม่ควรมีกำไรมากขนาดนั้น แต่ควรลดลง โดยมาลดค่าโดยสารให้ผู้ใช้ ดังนั้น โครงสร้างอัตราค่าโดยสารแบบค่าแรกเข้า 12 บาท บวกกิโลเมตรละ 2 บาท หรือ 12+2X ของ MRT จะทำให้ผู้โดยสารจะได้รับประโยชน์จากค่าโดยสารที่ถูกลง และรัฐบาลจะสามารถช่วยลดค่าครองชีพให้ผู้โดยสารได้ปีละ 15,000 ล้านบาท เนื่องจากร่างสัญญาสัมปทานไม่มีเงื่อนไขที่ระบุชัดเจนถึงมาตรการส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ ดังนั้น กทม. ควรมีมาตรการส่งเสริมการเดินทางเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน


ส่วนความเห็นต่อนโยบายของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะไม่ต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือในกรณี กทม. ไม่บริหารการเดินรถต่อหลังหมดสัมปทานปี 2572 แต่จะต่อสัญญาโดยผ่านการทำตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน เท่านั้น

กรมการขนส่งทางราง ระบุว่าหากนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เห็นว่าจะไม่ต่อสัญญาสัมปทานตามร่างสัญญาสัมปทานกับ BTS ก็ต้องดำนินการใน 5 ข้อ คือ 1.ต้องมีการทำหนังสือแจ้งยังรัฐบาล เพื่อนำเรื่องนี้มาพิจารณาแนวทางใหม่ กลับมาพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง 2.มีแนวทางในการดำเนินการต่อสัญญาสัมปทานให้เอกชน ควรพิจารณาตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน พ.ศ. 2562 คำนึงถึงการแข่งขันราคา ให้เกิดความเป็นธรรม

3.เรื่องภาระหนี้ของกรุงเทพมหานคร 60,000 ล้านบาท จะนำกลับมาพิจารณา ความถูกต้องของขั้นตอนในการดำเนินการ ทั้งมติการรับรองของสภา กทม.

4.สัญญาจ้างเดินรถส่วนต่อขยาย ที่จ้างบีทีเอสถึงปี 2585 ดำเนินการตามขั้นตอน ระเบียบ กฎหมาย หรือผ่านแนวทางตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2562 หรือไม่ 5.การดำเนินการตามระบบที่สอดคล้องระบบตั๋วร่วม หรือบัตรใบเดียวในการเชื่อมต่อการเดินทาง

สภาผู้บริโภคเตรียมหารือผู้ว่าฯ แก้ปัญหาค่าโดยสารแพง
ด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค ระบุว่า เตรียมเข้าหารือกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หลังเข้ารับตำแหน่งว่าผู้ว่าฯ กทม. อย่างเป็นเป็นทางการ เพื่อแก้ไขปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวแพง พร้อมระบุแนวทางที่นายชัชชาติหาเสียงเอาไว้สอดคล้องกับแนวทางของสภาที่ต้องการแก้ปัญหา โดยเห็นว่าราคาที่จัดเก็บปัจจุบัน ซึ่งสูงสุด 59 บาท โดยเป็นค่าแรกเข้า 15 บาท และค่าโดยสารตามระยะทางอีก 44 บาท เป็นราคาที่สูงกว่าสัมปทาน และหวังว่าจะมีการกลับมาเก็บในอัตรารวมสูงสุดไม่เกิน 44 บาท เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการรถไฟฟ้ามากขึ้น และหลังจากหมดสัมปทานในปี 2572 ขอให้เก็บในอัตราไม่เกิน 25 บาท ซึ่งสภายืนยันว่าเป็นราคาที่ทำได้จริง

การรวมคิดค่าโดยสารเป็นโครงข่ายจะทำให้ประชาชนจ่ายน้อยลง
ส่วนความเห็นวิชาการ นายสุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ จากทีดีอาร์ไอ กล่าวในประเด็นเรื่องต่อสัมปทานหรือไม่ต่อสัมปทานให้แก่บีทีเอสจะมีผลต่อราคาค่าโดยสารอย่างไร ซึ่งที่ผ่านมาทีดีอาร์ไอมีผลการศึกษาจากการบริหารโครงข่ายรถไฟฟ้าในต่างประเทศ ซึ่งมหานครใหญ่ๆ นั้นสามารถมีผู้บริการเดินรถหลายรายได้ แต่ต้องมาเข้าสู่การลงทุนที่ต้องจัดเก็บค่าโดยสาร เป็นโครงข่ายในอัตราเดียวกัน ไม่ได้มีการแยกกันคำนวณค่าโดยสาร แยกราคาจัดเก็บแบบไทย หากในอนาคตสามารถนำโครงการที่หมดสัปมทานมารวมคิดค่าโดยสารเป็นโครงข่าย ค่าโดยสารจะถูกลง

“ชัชชาติ” ย้ำควรลดค่าโดยสารให้ได้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ประชาชน
ด้านนายชัชชาติได้ให้สัมภาษณ์ประเด็นสัญญาจ้างเดินรถ ระหว่างลงพื้นที่แยกลำสาลี-บางกะปิ จุดวิกฤติรถติดจากงานก่อสร้างรถไฟฟ้า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า เรื่องสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ต้องยึดผลประโยน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง แต่เนื่องจากตอนนี้ยังไม่เห็นข้อมูลเอกสารทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เรื่องการโอนหนี้ต้องดูว่ากระบวนการครบถ้วนหรือยัง คิดว่าสภา กทม. ต้องรับรู้ เพราะเป็นหนี้ก้อนใหญ่ เรายังไม่รู้ว่าใครถูกใครผิด สองคือสัญญาจ้างเดินรถที่จ้างระยะยาวที่ไม่ได้ผ่าน พ.ร.บ.ร่วมทุน โดยเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานไป โดยที่ไม่ได้ใช้ พ.ร.บ.ร่วมทุน จะมีการพิจารณาที่ถี่ถ้วนชัดเจน ต้องทำให้ถูกต้อง

การที่ไม่ผ่าน พ.ร.บ.ร่วมทุน ซึ่งก็ผิดหลักการในภาพรวมแล้ว เราก็อยากให้มีความโปร่งใส จุดนี้ก็เข้าใจว่ามีเรื่องที่ค้างอยู่ใน ป.ป.ช. บางส่วนด้วย เรื่องที่ไปจ้างเดินรถโดยที่ไม่ได้ผ่าน พ.ร.บ.ร่วมทุน อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องไปดูในรายละเอียดว่าจริงๆ สัญญาจ้างเดินรถเป็นเช่นไร

ส่วนเรื่องการลดราค ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวลงมาทำได้จริงหรือไม่นั้น นายชัชชาติยกตัวอย่างว่าปัจจุบันค่าโดยสาร 59 บาท โดย 44 บาท เป็นค่าโดยสาร ส่วนไขแดงอีก 15 บาท เป็นของส่วนต่อขยาย ซึ่งตรงนี้ กทม. รับผิดชอบ และต้องดูว่า 15 บาทนี้จะปรับลงได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนสัญญาต่อช่วงถึงปี 2572 ต้องดูรายละเอียดต้นทุน กำไร ขาดทุน หากมีกำไรอยู่อาจจะคืนให้ได้ และอาจลดราคาในส่วนที่ต่อขยายลงได้ แต่ถ้าขาดทุนต้องดูอีกที หลักการคือต้องไปดูตัวเลขที่แท้จริงก่อน แต่ควรจะต้องลดราคาค่าโดยสารลงมาให้ได้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ประชาชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คุมได้แล้ว! เพลิงไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร

สมุทรสาคร 7 ก.ค. – คุมได้แล้ว! ไฟไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร พบต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมัน หวั่นอาคารพังถล่ม หลังโหมไหม้รุนแรง ภาพจากมุมสูงจะเห็นอาคารที่เกิดเหตุมีขนาดใหญ่เนื้อที่ราวๆ 3-4 ไร่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ของบริษัทประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาง เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำของ อบต.บ้านเกาะ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 20 คัน ฉีดน้ำสกัดเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ จุดต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงาน เนื่องจากมีเชื้อเพลิงไวไฟ ประกอบกับภายในมีสินค้าประเภทยางที่ผลิตแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนอาคารเริ่มทรุดตัว มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงงาน 1 คน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ไฟยังดับไม่สนิท เนื่องจากภายในมีทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต วัตถุดิบไวไฟ และสินค้ายางยืดที่ผลิตเสร็จแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงนำอุปกรณ์เข้าไปดับไฟด้านใน ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยจากตัวอาคารที่อาจพังถล่มลงมาได้ เนื่องจากถูกไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจนเสียหายเกือบทั้งหมด คนงานเล่าว่าเพลิงลุกที่ท่อส่งน้ำมันที่ส่งไปยังเครื่องจักร ซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าประเภทยาง แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร […]

หนุ่มวัย 24 สารภาพผลักลูกเลี้ยงหัวฟาดพื้นดับ คุมทำแผนฯ

นนทบุรี 7 ก.ค. – ตำรวจคุมตัวพ่อเลี้ยงโหด ผลักลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ล้มศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิต ทำแผนฯ หลังเค้นสอบกว่า 6 ชั่วโมง จนยอมรับ อ้างโมโหเด็กส่งเสียงดังรบกวน ตำรวจ สภ.บางบัวทอง คุมตัวนายธนวัฒน์ อายุ 24 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพทำร้ายร่างกาย “น้องขงเบ้ง” อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ลูกเลี้ยง จนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมให้การว่า เด็กส่งเสียงดังรบกวนจึงเกิดความโมโหผลักจนล้ม ทำให้บริเวณท้ายทอยกระแทกกับพื้น กระทั่งแน่นิ่งไป เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 18.00-20.00 น. เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ส่วนบาดแผลรอยจ้ำตามร่างกายและบาดแผลอื่นๆ นายธนวัฒน์ยังไม่รับสารภาพ ต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบอีกครั้ง แม่ของเด็ก อายุ 25 ปี เล่าว่า ตนออกไปทำงานทุกวัน เวลา 4 โมงเย็น […]

“บิ๊กเต่า” เผย “สีกา ก.” ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ เลือกเหยื่อรวย-เข้าถึงง่าย

7 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เรียกประชุมแบ่งภารกิจให้กองใต้สังกัด สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพิ่ม เผยคืบหน้ากรณี “ทิดอาชว์” และนางสาว ก. เจ้าตัวยอมรับเลือกแต่คนรวย-เข้าถึงง่าย อ้างสำนึกผิด ยอมร่วมมือกับตำรวจ พร้อมจี้สำนักพุทธฯ ทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อเรียกศรัทธาวงการสงฆ์กลับมา ความคืบหน้าในประเด็น อดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือ ทิดอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เจ้าคณะภาค 14-15 สายธรรมยุต มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางสาว ก. จนถูกแบล็กเมล์รีดไถ่เงิน 7.3 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เรียกคณะทำงานเข้าประชุมวางแผนการทำงานในกรณีของทิดอาชว์และนางสาว ก. ซึ่งใช้เวลาประมาณกว่า 3 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ออกมาเผยความคืบหน้าว่า วันนี้เป็นการเรียกประชุมกองงานต่าง ๆ เพื่อแบ่งสายงานมอบหมายภารกิจให้แต่ละกองไปสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลมาเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ทำการสอบสวนนางสาว ก. และได้ข้อมูลมามากพอสมควร […]

Cambodia strongly rejects Thailand’s baseless claim over Ta Krabei Temple

กัมพูชาโต้ไทยอ้างปราสาทตาควายอยู่ในไทย

พนมเปญ 7 ก.ค.- กัมพูชาคัดค้านอย่างหนักว่า ไทยอ้างโดยไร้มูลว่า ปราสาทตาควายอยู่ในดินแดนไทย และตำหนิไทยว่าห้ามชาวกัมพูชาคล้องผ้าขาวม้าขึ้นปราสาทตาควาย เว็บไซตขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า กระทรวงกลาโหมแห่งชาติของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์แสดงความคัดค้านอย่างหนักต่อการกล่าวอ้างอย่างไร้มูลและโอหังของสื่อไทย เจ้าหน้าที่ทหารไทย และพลเรือนชาวไทยบางกลุ่มที่ว่า ปราสาทตาควายตั้งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทย แถลงการณ์ของกัมพูชาระบุว่า การกล่างอ้างดังกล่าวเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะไทยอ้างแผนที่ฝ่ายเดียวที่ไม่มีคุณค่าทางกฎหมายตามหลักการกฎหมายสากล กัมพูชายืนยันว่า ในทางภูมิศาสตร์แล้วปราสาทตาควายตั้งอยู่ในเทือกเขาดงรัก อำเภอบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดรเมียนเจยหรืออุดรมีชัย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชา โดยเป็นไปตามกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากสากล แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุว่า ทหารไทยห้ามนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาคล้องผ้ากรอมาหรือผ้าขาวม้าติดธงชาติกัมพูชาขึ้นปราสาทตาควาย แต่กลับอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสวมเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับติดธงชาติไทย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงทวิภาคีที่เคยตกลงกันไว้.-814.-สำนักข่าวไทย