พาณิชย์เสริมความรู้เกษตรกรหนุนใช้ประโยชน์จากไม้ยืนต้นทางธุรกิจ

ระยอง 28 พ.ค. – อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดสัมมนาให้ความรู้สื่อมวลชนและเกษตรกรหวังหนุนให้หันมาใช้ประโชยน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ โดยเฉพาะไม้ยืนต้นกู้เสริมธุรกิจได้ ระบุใช้มา 5 ปี ปล่อยกู้แล้วกว่า 137 ล้านบาท ด้านเกษตรกรผู้ปลูกไม่ยืนต้นร้องรัฐให้ดึงไม้กฤษณาร่วมธุรกิจด้วย


นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวเปิดงานสัมมนาเรื่องไม้ยืนต้น “หลักประกันอันทรงคุณค่า” ให้สื่อมวลชนและเกษตรกรในจังหวัดระยองว่า ปัจจุบัน มีการปลดล็อกให้ใช้ “ไม้ยืนต้น” ทุกชนิด เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นต้นสัก พยุง รวมไปถึงไม้ผลต่างๆ ทั้งทุเรียน มะม่วง และมะขาม แต่ยังมีการใช้ ไม้ยืนต้น มา เป็นหลักประกัน เพียง 0.001 จากจำนวนหลักประกันทั้งหมด ทำให้ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงเร่งเชิญชวนให้ผู้ปลูกไม้ยืนต้นที่มีค่า มาใช้ประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจมากขึ้น เพื่อมุ่งส่งเสริมให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ นำร่องให้ความรู้ วิสาหกิจกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณา จังหวัดระยอง เป็นพื้นที่แรก

อย่างไรก็ตาม นอกจากกิจกรรมสัมมนาเสริมความรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว กรมฯ ยังได้นำคณะลงพื้นที่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณา หรือสวนหอมมีสุข จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของผู้ปลูกไม้กฤษณา กว่า 135 คนในพื้นที่ตำบลกะเฉด อำเภอเมืองระยอง รวมทั้งยังปลูกไม้ยืนต้นอื่น ทั้งต้นสัก มะค่า และไม้ผล คือ ทุเรียน เงาะ มังคุด และสละ ที่ใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ เพื่อให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 ที่สามารถนำไม้ยืนต้นที่มีค่าที่ปลูกบนที่ดินกรรมสิทธิ์ มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินใช้สำหรับลงทุนหรือต่อยอดธุรกิจ ให้กับผู้นำวิสาหกิจชุมชน เพื่อนำไปถ่ายทอดแก่สมาชิก


ทั้งนี้ ไม้กฤษณา เป็นเป้าหมายในการส่งเสริมให้ใช้สิทธิประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ เนื่องจากเป็นไม้ที่เกษตรกรหลายกลุ่ม หันมาปลูกมากขึ้น เพราะมีการสกัดเป็นน้ำมันกฤษณา สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศอย่างมาก ซึ่งจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับตัวแทนเกษตรกรและประชาชนให้ความสนใจ ที่จะปลูกไม้ยืนต้นมากขึ้น เพราะสามารถใช้ขอสินเชื่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องตัดต้นไม้ ซึ่งตั้งแต่กฏหมายกำหนดให้ “ไม้ยืนต้น” เป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน มาตั้งแต่ปลายปี 2561 โดยปัจจุบัน มีสถาบันการเงิน และ ผู้รับหลักประกันอื่น เข้าร่วมแล้ว 361 ราย ทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. รวมถึงผู้รับหลักประกันอื่น อย่างผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ หรือ สินเชื่อรายย่อยอเนกประสงค์ ซึ่งนอกจากจะทำความเข้าใจกับกลุ่มเกษตรกรแล้ว ยังต้องให้ความรู้กับสถาบันการเงิน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินในประกอบการปล่อยเงินกู้ได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลจนถึงวันที่ 20 พ.ค.65 ที่ผ่านมา มีผู้มาขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว กว่า 680,000 คำขอ วงเงินที่ใช้ทรัพย์สินเป็นหลักประกัน รวมกว่า 12.9 ล้านบาท โดยสิทธิเรียกร้อง เป็นทรัพย์สิน ที่ใช้เป็นหลักประกันมากที่สุด กว่า 77% มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และไม้ยืนต้น มีสัดส่วนการใช้เป็นหลักประกันน้อยที่สุดเพียง 0.001% มูลค่าประมาณ 137 ล้านบาท

ดังนั้น หลังจากนี้ กรมฯ จะเดินหน้าประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชน และเอสเอ็มอี รวมไปถึงวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ ได้ใช้ประโยชน์จากกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ โดยเฉพาะในภาวะวิกฤติโควิด-19 พร้อมเร่งพัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้บริการประชาชนแบบเรียลไทม์ อาทิ ระบบการยืนยันตัวตนของผู้รับหลักประกันทั่วประเทศ โดยไม่ต้องมายืนยันตัวตนที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า อำนวยความสะดวกให้ได้มากที่สุด


ทั้งนี้ ทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันได้ มี 6 ประเภท ได้แก่ (1) กิจการ (2) สิทธิเรียกร้อง เช่น สิทธิการเช่า ลูกหนี้การค้า (3) สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ (4) อสังหาริมทรัพย์ เฉพาะกรณีที่ผู้ให้หลักประกันประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง (5) ทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า และ (6) ทรัพย์สินอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ก็คือ ไม้ยืนต้น

นางพิกุล กิตตพล ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณา ย้ำว่ากลุ่มเกษตรกรสนใจ นำไม้ยืนต้นไปเป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันกู้เงิน เพราะดีกว่าใช้โฉนดที่ดิน ไปเป็นหลักทรัพย์ เพราะที่ผ่านมา ขาดรายได้จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง ซึ่งได้ใช้วิธีการตัดไม้ขายเพื่อพยุงความเดือนร้อน สำหรับในทางปฏิบัติ ยังติดขัด ในกระบวนการของสถาบันการเงิน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขเพื่อให้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจใช้ได้จริง ดังนั้น จึงอยากเสนอภาครัฐที่เกี่ยวข้องช่วยพิจารณาผ่อนปรมปัญหาดังกล่าวให้กับเกษตรกรผู้ปลูกไม้ยืนต้นประเภทต้นไม้กฤษณาด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

เริ่มใช้เครื่องจักรหนักเปิดซากอาคาร สตง.ถล่ม

102 ชั่วโมงแล้ว สำหรับปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุอาคาร สตง.ถล่ม หน่วยกู้ภัยจากนานาชาติให้ความหวังว่ายังมีโอกาสเจอผู้รอดชีวิต ทำให้การค้นหาวันนี้ต้องแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่

ทองไทยนิวไฮต่อเนื่อง ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 550 บาท

ทองคำไทยผันผวนหนัก ปรับเปลี่ยน 18 ครั้ง ก่อนปิดตลาดปรับเพิ่ม 550 บาท ระหว่างวันขึ้นไปแตะนิวไฮ ทองคำแท่งขายออก 50,700 บาท ทองรูปพรรณขายออก 51,500 บาท ขึ้นไปต่อเนื่อง