กรุงเทพฯ 27 พ.ค.- สมาคมปุ๋ยวอนพาณิชย์ ขอให้เข้าใจเหตุผลที่ขอปรับเพดานราคาจำหน่ายปุ๋ย โดยราคาแม่ปุ๋ยในตลาดโลกปรับสูงขึ้นไปมาก หากผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาได้ คาดว่า บางบริษัทอาจชะลอการสั่งนำเข้า แล้วส่งผลให้ในไตรมาสที่ 3-4 ของปี 2565 นี้อาจเริ่มขาดแคลนปุ๋ยบางสูตร ตลอดจนมีคนฉวยโอกาสนำปุ๋ยปลอมมาจำหน่ายให้เกษตรกร
นายเปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทยกล่าวว่า ยังคงรอการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาจำหน่ายปุ๋ยจากกระทรวงพาณิชย์ หลังจากที่หารือกรมการค้าภายในมาก่อนหน้านี้ แล้วกรมการค้าภายในแจ้งว่า จะพิจารณาเรื่องการปรับราคาปุ๋ยเพื่อให้สะท้อนต้นทุน โดยให้ผู้ประกอบการยื่นขอปรับราคามาได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบหรือประกาศให้ปรับเพดานราคาจำหน่ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ขอให้กระทรวงพาณิชย์เข้าใจถึงความจำเป็นในการขอปรับขึ้นราคาจำหน่ายสืบเนื่องจากราคาปุ๋ยเคมีที่ในตลาดโลกปรับสูงขึ้นมากได้แก่ ยูเรีย (Urea) 46-0-0 ปรับขึ้นจากปีที่ผ่านมา 83% ปุ๋ยแอมโมเนี่ยมซัลเฟต (AS) 21-0-0 ขึ้น 71% ปุ๋ยไดแอมโมเนียมฟอสเฟต (DAP) 0-0-60 ขึ้น 103% ส่วนปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์ (MOP) ปรับขึ้นถึง 363% ขณะที่เพดานราคาจำหน่ายปุ๋ยในประเทศซึ่งเป็นสินค้าควบคุมไม่ได้ปรับขึ้นมา 11 ปีแล้ว
นายเปล่งศักดิ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคม กรมการค้าภายในเชิญสมาคมผู้นำเข้า ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายปุ๋ยเคมีรวม3 สมาคมหารือ แล้วแจ้งว่า ให้ผู้ประกอบการหาแหล่งปุ๋ยใหม่ทดแทนรัสเซียและเบลารุสซึ่งหยุดส่งออกเนื่องจากภาวะสงคราม แม้จะราคาแพงก็ขอให้นำเข้ามา โดยจะพิจารณาเรื่องการปรับราคาให้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาปุ๋ยขาดในฤดูกาลเพาะปลูกปี 2565 แต่เมื่อยังไม่มีการพิจารณาให้ปรับราคา บางบริษัทเริ่มชะลอการนำเข้า ดังนั้นในไตรมาสที่3 และ 4 ของปีนี้ อาจขาดแคลนปุ๋ยบางสูตร
นอกจากนี้ การเกิดปัญหาปุ๋ยขาดอาจส่งผลให้มีปุ๋ยปลอมระบาด โดยผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสนำสินค้าไม่ได้คุณภาพมาหลอกขายให้เกษตรกร รวมทั้งร้านค้าอาจขึ้นราคาปุ๋ยสูตรที่เกษตรกรต้องการใช้มากๆ แต่ขาดตลาดจนซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนแก่เกษตรกรเป็นอย่างมาก.-สำนักข่าวไทย