กรุงเทพฯ 27 พ.ค.- กรมวิชาการเกษตรตรวจยึดต้นพันธุ์ทุเรียนกว่า 8,000 ต้น ขณะมีลักลอบส่งออกนอกประเทศผ่านด่านช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี จึงดำเนินคดีตามพ.ร.บ.พันธุ์พืชหากลักลอบส่งออกพืชสงวนไทย โดยมิได้รับอนุญาต
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายตรวจพืช ด่านตรวจพืชช่องเม็กจังหวัดอุบลราชธานีว่า จับกุมผู้ลักลอบขนส่งต้นพันธุ์ทุเรียนออกนอกประเทศได้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถบรรทุกคันหนึ่งบริเวณจุดตรวจรถยนต์และสินค้าขาออก ด่านพรมแดนช่องเม็ก หลังได้รับเบาะแสจากพลเมืองดีว่า จะมีการลักลอบนำพืชสงวนของไทยส่งออกนอกราชอาณาจักร จึงได้ประสานขอความร่วมมือกับด่านศุลกากรช่องเม็กขอเข้าตรวจสอบพบรถยนต์คันดังกล่าว จากการตรวจค้นพบต้นกล้าพันธุ์ทุเรียนอยู่หลังรถยนต์บรรทุก จึงได้ทำการควบคุมตัวผู้ขับรถดังกล่าวมายังด่านศุลกากรช่องเม็ก
สำหรับต้นพันธุ์ทุเรียนที่พบเป็นต้นพันธุ์ทุเรียนหมอนทอง 8,000 ต้น คิดเป็นมูลค่า 240,000 บาท (ต้นละ 30 บาท) จึงแจ้งข้อหาว่า กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 30 ห้ามมิให้ผู้ใดส่งออกพืชสงวน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากรัฐมนตรี และเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทดลองหรือวิจัยในทางราชการเท่านั้น หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยได้นำส่งผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี และได้ยึดของกลางที่เป็นพืชสงวนทั้งหมดไว้ในความดูแลของด่านศุลกากรหนองคายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวต่อว่า พระราชบัญญัติพันธุ์พืชกำหน พืชสงวนไว้ทั้งหมด 11 ชนิด คือ ทุเรียน องุ่น ลิ้นจี่มะพร้าว มะขาม ส้มโอ ลำไย ทองเครือ กวาวเครือ สละ และสับปะรด หากมีการลักลอบส่งออกพันธุ์พืชสงวนของไทยเหล่านี้ออกไปขยายพันธุ์ในประเทศอื่นๆ จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยตรงอย่างมาก ดังนั้นหากผู้ใดทราบเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวสามารถแจ้งได้ที่ด่านตรวจพืชของกรมวิชาการเกษตรทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย