กรุงเทพฯ27 พ.ค.- GCปลื้มallnexทำรายได้ตามเป้าหมายเร่งขยายงานคาด4ปีข้างหน้าสร้างEBITDAเพิ่มขึ้น50%จากปีนี้400ล้านยูโร คาดปีนี้ภาพรวมผลิตเพิ่มขึ้น 2%
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) หรือGC เปิดเผยว่าบริษัทติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ในขณะนี้มีความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพทั่วโลกจะทำให้ความต้องการซื้อสินค้าชะลอตัวลงหรือไม่ รวมทั้งกรณีการล็อกดาวน์ของจีนเพื่อสกัดโควิด-19 แต่ก็ยังมีผลบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจ กิจการ Allnex Holding GmbH (Allnex) ที่บริษัทได้ซื้อกิจการมาเมื่อปี 2564 ซึ่งผลิต Coating Resins และ Crosslinkers ชั้นนำระดับสากล และมีธุรกิจในภูมิภาคใหญ่ ๆ ของโลก คือ เอเชีย ยุโรปและอเมริกา ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ยังมียอดขายที่ดีและมีจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา(EBITDA) ตามเป้าหมายประมาณ 400 ล้านยูโร/ปี และมีการขยายกิจการ โดย GC ไม่ได้ลงทุนเพิ่ม จึงคาดว่า จะมีEBITDA เพิ่มขึ้นอีก 50% ใน 4 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านยูโรในปี 2569 ดีกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้
ส่วนธุรกิจโรงกลั่นแม้ว่ามาร์จิ้นการกลั่นสูงขึ้น แต่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัท เนื่องจากผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นกว่า50% นำไปทำปิโตรเคมีต่อ ขณะที่ตลาดปิโตรเคมีไม่ดีเมื่อเทียบปีก่อน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งในกรณี แหล่งปิโตรเลียมเอราวัณผลิตก๊าซฯราว 300 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน น้อยกว่าสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน บริษัทได้เตรียมแผนรองรับโดยใช้วัตถุดิบอื่นทดแทน โดยลงทุนโครงการ ORP ที่ใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบ รวมทั้งโครงการ Olefins 2 Modification (OMP) เพิ่มความยืดหยุ่นของวัตถุดิบ (Feedstock) โดยจะได้โพรพิลีนเพิ่มจำนวน 63,000 ตัน คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 1/2566
“ ในปี 2565 บริษัทคาดมีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น 2% โดยมีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานโอเลฟินส์ แต่รับรู้กิจการ Allnex ทำให้มีกำลังการผลิตรวมปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งโรงงานของคูราเร่เดินเครื่องจักรผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงในปีนี้ และปีนี้บริษัทไม่มีการลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A) แต่ปี 2566 บริษัทคาดว่าจะเห็นการปิดดีล M&A เพิ่มเติม ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงงานผลิตภัณฑ์ High Value รวมทั้งมีการลงทุน Venture Capital ในธุรกิจสตาร์ทอัพที่เป็นธุรกิจ New S-Curve” นายคงกระพันกล่าว
อย่างไรก็ดี บริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป โดยจะแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 22 -23 มิถุนายน 2565 ให้แก่ผู้สูงวัย (บุคคลธรรมดาที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป หรือจะมีอายุครบ 60 ปี ในปี พ.ศ. 2565 และช่วงที่สองคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 27-29 มิถุนายน 2565 ให้แก่ประชาชนทั่วไปซึ่งรวมถึงผู้สูงวัยด้วย โดยจะมีการกำหนดอัตราผลตอบแทนและรายละเอียดการจองซื้อให้ทราบในภายหลัง
ทั้งนี้ GC เดินหน้าธุรกิจแห่งอนาคตด้วยกลยุทธ์ 3 Steps ได้แก่ 1.Step Change เป็นการต่อยอดและดำเนินธุรกิจในปัจจุบันให้มีความแข็งแกร่ง เช่น เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) หรือ VNT เพิ่มเป็น 37.82% ทำให้บริษัทขยายเข้าสู่ธุรกิจ PVC Chain ครบวงจร,การร่วมทุนบริษัท Kuraray GC Advanced Material (KGC) ซึ่งเป็นการผลิตภัณฑ์ที่เป็นซูเปอร์เอ็นจีเนียริ่ง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทนความร้อน คาดว่าจะดำเนินการเสร็จในไตรมาส4/2565, โครงการขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิโพรพิลีน (PP) 250,000 ตัน ของบริษัท HMC Polymers คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 3/2565
2.Step Out กลยุทธ์การแสวงหาโอกาสต่อเนื่อง เช่น การเข้าซื้อกิจการ allnex เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่หรือในต่างประเทศ สร้างโอกาสการเติบโตในเอเชีย
3.Step Up กลยุทธ์สร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ ด้วยการเป็นต้นแบบองค์กรเพื่อความยั่งยืนในระดับสากล ดำเนินการเรื่องของ Efficiency-Driven เช่นการใช้พลังงานทดแทน รวมไปถึงเรื่องของการลดการปล่อยคาร์บอน การปลูกป่าเพื่อซึมซับคาร์บอน
นอกจากนี้บริษัทแผนการใช้เงินของบริษัทในระยะเวลา 5 ปี (2565-2569) อยู่ที่ 608 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็นการลงทุนในโครงการลงทุนสำคัญของบริษัท (Key Projects),
โครงการพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง Recycle Plant : ENVICCO คาดแล้วเสร็จกลางปีนี้ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, โครงการ Super Engineering Plastic : KGC ประมาณ 7 ล้านดอลลาร์, โครงการ OMP 115 ล้านดอลลาร์ และการลงทุน allnex ประมาณ 187 ล้านดอลลาร์ .-สำนักข่าวไทย