ดีป้า จับมือ แกร็บดึงผู้สูงวัย หารายได้ผ่านแอป “แกร็บวัยเก๋า”

กรุงเทพฯ 26 พ.ค.- ดีป้า จับมือ แกร็บ หวังใช้แอป “แกร็บวัยเก๋า” ดึงผู้สูงวัยพัฒนาทักษะดิจิทัล-หารายได้ ด้วยการสมัครเป็นพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บ รับ-ส่งผู้โดยสาร เดลิเวอรี ตั้งเป้ารับพาร์ทเนอร์คนขับวัยเก๋า 3,000 คนผ่านเครือข่ายของดีป้าทั่วประเทศ


ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า  ปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โดยในปี 2565 จะผู้สูงอายุมากกว่า 12 ล้านคน  คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.3  ของประชากรทั้งหมด  ดีป้า จึงต้องการส่งเสริม นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงผู้สูงอายุ   จึงร่วมกับ แกร็บ ประเทศไทย นำโครงการ ‘แกร็บวัยเก๋า’ เข้ามาสนับสนุนให้คน วัยเกษียณ  หันมาใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันอย่างแกร็บ และนำยานพาหนะส่วนตัวที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ มาใช้เพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเอง  

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการบริหาร แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า   ที่ผ่านมา แกร็บเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างรายได้ผ่านแพลตฟอร์มอย่างเท่าเทียม โดยไม่จำกัดเพศ วัย การศึกษา หรือแม้แต่ผู้ที่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย เช่น ผู้พิการทางการได้ยิน  สามารถสมัครเป็นพาร์ทเนอร์คนขับเพื่อให้บริการการเดินทาง หรือจัดส่งอาหาร-พัสดุผ่านแอปพลิเคชันของเราได้เช่นกัน เพียงแค่มียานพาหนะ มีใจรักบริการ ไม่กลัวเทคโนโลยีและกล้าเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ และที่สำคัญคือต้องไม่มีประวัติอาชญากรรม 


ปัจจุบันแกร็บมีพาร์ทเนอร์คนขับอายุมากกว่า 60 ปีอยู่บนแพลตฟอร์มของเรามากกว่า 3,700 คน คนกลุ่มนี้แม้จะว่าจะเป็นผู้สูงวัย แต่ถือเป็นผู้ที่มีศักยภาพ มีความสุขุมรอบคอบ และผ่านประสบการณ์ชีวิตมามาก เรียกได้ว่าถึงจะแก่แต่ยังเก๋า กลุ่มคนวัยเกษียณมักเป็นผู้ที่มีเวลาว่างและไม่อยากเป็นภาระให้ลูกหลาน ดังนั้น การหากิจกรรมหรืออาชีพเสริมทำจึงช่วยทำให้เกิดความรู้สึกดีกับตัวเอง ช่วยลดความเครียดและเพิ่มคุณค่าในตัวเอง เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ครั้งใหม่ที่ไม่สิ้นสุดและพัฒนาทักษะทางดิจิทัลให้กับคนกลุ่มนี้ ในปีนี้แกร็บจึงได้ร่วมมือกับดีป้าพัฒนาโครงการ ‘แกร็บวัยเก๋า’ ขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อร่วมกันยกระดับองค์ความรู้ด้านดิจิทัลให้แก่คนไทย   พร้อมกันนี้แกร็บยังมีทีมงานที่พร้อมให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกกับผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์คนขับ ตั้งแต่ขั้นตอนการรับสมัคร การอบรมให้ความรู้ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือหากเกิดปัญหาในการให้บริการตลอดระยะเวลาการทำงาน”

โดยคุณสมบัติของผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการ “แกร็บวัยเก๋า” ได้มีดังนี้

• มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขี้นไป


• ไม่จำกัดเพศ การศึกษา

• ไม่มีประวัติอาชญากรรม (ต้องการผ่านตรวจประวัติอาชญากรรมย้อนหลัง 7 ปี โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ)

• มีใบอนุญาตขับขี่ส่วนบุคคล

• มีใจรักบริการ

• รถจักรยานยนต์ : ไม่จำกัดอายุ แต่ต้องอยู่ในสภาพดี ขับขี่ปลอดภัย

• รถยนต์ : อายุน้อยกว่า 9 ปี (ตามกฎหมายรถยนต์ขับขี่สาธารณะ)

โดยผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ “แกร็บวัยเก๋า” สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ที่ https://forms.gle/ubgCYsu7NzDqHqKp6ติดตามรายละเอียดหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.grab.com/th/driver/drive/ .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้