เตรียมให้พร้อม “ค่าไฟพุ่ง” เหตุคาดก๊าซฯ แพงต่อเนื่อง 3 ปี

กรุงเทพฯ 19 พ.ค.-บมจ.ปตท. ส่งสัญญาณราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) แพงต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี กระทบค่าไฟฟ้า พร้อมร่วมมือแบ่งเบาภาระประชาชน ที่ผ่านมาร่วมรับภาระกว่า 1 หมื่นล้านบาท ส่วนจะให้ กฟผ.ชะลอจ่ายค่าก๊าซฯ อยู่ระหว่างหารือร่วมกับ ก.พลังงาน พร้อมแนะสูตรลดต้นทุนและสร้างความมั่นคงควรนำเข้าสัญญาระยะยาว 70%


ประเทศไทยพึ่งพาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเพื่อการผลิตไฟฟ้าราวกว่าร้อยละ 60 โดยที่มาของก๊าซฯเดิมใช้ในประเทศเป็นหลัก ราคาผันแปรตามราคาน้ำมันเตาย้อนหลัง 6-12 เดือน แต่ปริมาณก๊าซฯในประเทศเริ่มลดลง และยังมีปัญหาการเข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณล่าช้า ทำให้ปริมาณจากแหล่งนี้ลดลงกว่าแผนงานเดิมเกินครึ่งหนึ่ง จากเดิมคาดว่าช่วงเปลี่ยนผ่านสัญญาจากสัมปทานเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต (พีเอสซี) แหล่งนี้จะผลิตได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่ผลิตได้จริงไม่ถึง 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ทำให้ปี 2565 ไทยต้องนำเข้าแอลเอ็นจีสูงขึ้น คาดนำเข้าแอลเอ็นจีสัญญาตลาดจร (สปอต) ราว 5 ล้านในขณะที่ ปตท.มีสัญญาระยะยาวนำเข้า 5.2 ล้านตันต่อปี  ในขณะที่แผนการนำเข้าแอลเอ็นจีนั้น คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เป็นผู้กำหนด ล่าสุด นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน มอบหมาย ทุกภาคส่วนเร่งทำแผนระยะยาวเพื่อลดต้นทุน และให้รัฐวิสาหกิจทั้ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บมจ.ปตท.ร่วมรับภาระค่าไฟฟ้าแทนภาคประชาชนไปก่อน เพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าที่พุ่งขึ้น  โดยก่อนหน้านี้ กฟผ.ระบุร่วมรับภาระค่าไฟฟ้าเรื่องต้นทุนเชื้อเพลิง ตั้งแต่ ค่าไฟฟ้า FT (ค่าไฟฟ้าผันแปร)งวดเดือนกันยายน 2564 จนถึงงวดเดือนเมษายน 2565 แทนประชาชนเป็นการชั่วคราว ประมาณ 60,000 ล้านบาท ทำให้ กฟผ.ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จำเป็นต้องกู้เงินมาลงทุนแล้ว 25,000 ล้านบาท

นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า กล่าวว่า ปตท. พร้อมให้ความร่วมมือในการดูแลต้นทุนค่าก๊าซฯของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาดำเนินการหลายรูปแบบรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาทไปแล้ว และล่าสุด อยู่ระหว่างหารือ กับ กกพ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดซื้อ LNG ช่วงราคาตลาดโลกอ่อนตัวลง มาเก็บกักไว้ใช้เพราะตามฤดูกาลแล้วช่วงพ้นหน้าหนาวราคาจะต่ำลง โดยในขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 21-22 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู จากที่ปีนี้ราคาทำสถิติสูงสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ประมาณ 84-85 เหรียญต่อล้านบีทียู  และคาดว่าในช่วง 3 ปีนี้ราคาจะทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเห็นด้วยกับนโยบายของรมว.พลังงานที่ต้องเร่งทำแผนระยะยาวในการนำเข้าแอลเอ็นจี เพื่อช่วยลดภาระต้นทุนค่าไฟฟ้า โดยควรจะมีแนวทางที่ชัดเจนออกมาในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันก่อนเข้าสู่ฤดูหนาว ดังนั้น  การล็อกทั้งปริมาณและราคานำเข้าก็จะทำให้ได้ราคาที่ต่ำ โดย เห็นว่า สัดส่วนการใช้แอลเอ็นจี ที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ควรเป็นการจัดหาภายใต้สัญญาระยะยาว 70% และสัญญาระยะสั้น 30% จากก่อนหน้านี้ ในช่วงเกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้สัดส่วนการใช้ก๊าซฯ ทั้งสัญญาระยะยาวและระยะสั้นใกล้เคียงกัน อยู่ที่ 50:50  


“แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติ จะยังเป็นขาขึ้นไปอีก 2-3 ปี จากผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และยังเป็นผลจากการฟื้นตัวหลังโควิด-19ซึ่ง ประเทศไทยก็ต้องวางแผนการนำเข้าให้เหมาะสม เพื่อทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด ซึ่ง ปตท.พร้อมให้ความร่วมมือทั้งการนำเข้าและการเร่งรัดสถานีแอลเอ็นจีหนองแฟบให้เสร็จเร็วขึ้นเพื่อรับความต้องการแอลเอ็นจีที่สูงขึ้น”นายวุฒิกร กล่าว

สำหรับโครงการก่อสร้างคลังจัดเก็บและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Receiving Terminal) แห่งที่ 2  หนองแฟบจังหวัดระยอง [T-2] ระยะแรก จะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการในช่วงปลายเดือนมิ.ย.หรือ ต้น ก.ค.นี้ ซึ่งจะรองรับการนำเข้า LNG ได้ 2.5 ล้านตัน และสิ้นปีจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมรองรับนำเข้า LNG ได้รวม 7.5 ล้านตัน ทำให้รวมกับ Terminal แห่งที่ 1 มาบตาพุดแล้ว ประเทศไทยจะมีศักยภาพรองรับ LNG ได้ถึง 19 ล้านตันต่อปี ส่วนการจองสิทธิ์เพื่อใช้บริการ Terminalแห่งที่ 2 นั้น จะต้องสอดรับกับการพิจารณาของ กกพ.ด้วย เพราะการนำเข้า LNG ของ Shipper แต่ละราย จะต้องผ่านการอนุมัติจาก กกพ.ก่อน 

ส่วนกรณีที่กระทรวงพลังงาน มอบหมายให้ ปตท.พิจารณาขยายระยะเวลาชำระเงินค่าเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าให้กับ กฟผ.เพื่อร่วมแบ่งรับต้นทุนค่าไฟฟ้าไปก่อนนั้น ปตท.อยู่ระหว่างหารือกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อดูแลในเรื่องนี้ ซึ่งค่าซื้อก๊าซฯ ของกฟผ.ในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่า เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาทต่อเดือน แต่ปีนี้เนื่องจากราคาก๊าซฯสูงขึ้นและปริมาณเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจทำให้รายจ่ายซื้อก๊าซฯ อยู่ที่ 12,000-13,000 ล้านบาทต่อเดือน โดยที่ผ่านมา สัญญาชำระค่าก๊าซฯของ กฟผ.ที่จ่ายให้ ปตท.จะจ่ายหลังรับก๊าซแล้วประมาณ 1 เดือน 


สำหรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในปีนี้ คาดว่า จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จากที่ประเทศไทยเปิดเมืองและอากาศร้อน โดยไตรมาส 1/65   ความต้องการใช้ก๊าซฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 4,420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพิ่มขึ้น 5-6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/ 64 โดยความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น มาจากภาคการผลิตไฟฟ้า ที่มีความต้องการใช้ก๊าซฯ 2,650 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ก็เริ่มกลับมาเดินเครื่องการผลิตมากขึ้นตามทิศทางการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 

ทั้งนี้ คาดว่า ปี 2565  ประเทศไทยจะมีความต้องการนำเข้าแอลเอ็นจีรวมอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านตัน แบ่งเป็นสัญญา ระยะยาวของ ปตท.  5.2 ล้านตัน(ราคาเฉลี่ยเดือนพ.ค.อยู่ที่ประมาณ 12-13 เหรียญต่อล้านบีทียู ) และอีก 5 ล้านตัน จะเป็นตลาดจร( Spot LNG )ที่ กกพ.จะเป็นผู้พิจารณาให้นำเข้าโดย Shipper โดยปีนี้มีผู้ได้รับอนุญาตแล้วคือ  ปตท. และ กฟผ. ซึ่งจากที่ราคาสูงทำให้ชิปเปอร์รายอื่นๆยังไม่นำเข้า ทำให้สัดส่วนการใช้ก๊าซของประเทศปีนี้ ต้องนำเข้าแอลเอ็นจีประมาณ30-35 %  ก๊าซในประเทศ (ราคาประมาณ 6 เหรียญ/ล้านบีทียู ) ประมาณ 45% นำเข้าก๊าซจากเมียนมา (ราคาประมาณ 8 เหรียญ/ล้านบีทียู )ประมาณ 20 % โดยกรณีราคาแอลเอ็นจีตลาดจรที่ประมาณ 21-22 เหรียญต่อล้านบีทียู ก็จะส่งผลให้ราคาต้นทุนก๊าซเฉลี่ย (POOL ) ของไทยเพิ่มขึ้นเป็น 400 บาท/ล้านบีทียู

ที่ผ่านมา ปตท.ได้ช่วยเหลือลูกค้าก๊าซธรรมชาติ ในช่วงราคาพลังงานผันผวน อย่างต่อเนื่อง  ได้แก่   1.กลุ่มผู้ใช้ก๊าซ NGV ผ่านมาตรการ

เอ็นอีวีเพื่อลมหายใจเดียวกัน คงราคา ที่ 13.62 นาท/กิโลกรัม และรถทั่วไป ที่ 15.59 นาท/กิโลกรัม (1พ.ย.64-15มิ.ย.65)วงเงิน 3,322 ล้านบาท

2.กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม  ได้ ร่วมรับภาระตั้งแต่ พ.ย.64 และอยู่ระหว่างหาทางเลือกเพิ่มเติม โดยที่ผ่านมาใช้วงเงินร่วมรับภาระแล้ว 6,857 ล้านบาท  

3.กลุ่มลูกค้าไฟฟ้า SPP มีราคาส่งเสริมพิเศษสำหรับก๊าซที่ใช้ในอุตสาหกรรมประมาณ 3 เดือน วงเงิน 255 ล้านบาท

4.กลุ่มผู้ใช้ก๊าซ LPG ซึ่งปตท. ช่วยเหลือให้ส่วนลดแก่กลุ่มร้านค้า หานเร่ แผงลอย ที่ถือบัตรสวัสติการแห่งรัฐ จำนวนเงิน 100 บาท/คน/เดือน ตั้งแต่ 1 ต.ค.62 – 30 มิ.ย. 65 วงเงินรวมประมาณ 18 ล้านบาท

นอกจากนี้ ธุรกิจก๊าซฯ ปตท.ยังได้ปรับตัวรองรับกับโอกาสและความท้าทาย ที่ความนิยมยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เช่น การเพิ่มมูลค่าทั้งมีธุรกิจใน สถานีบริการ NGVและอื่นๆ  ซึ่งจะเป็นได้ว่า สถานี NGV ปตท. สาขากำแพงเพชร 2 ได้ปรับโฉมรูปแบบใหม่ เป็นสถานีนำร่องที่ให้บริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) แห่งแรก ในปีนี้คาดว่า  จะขยายเพิ่ม ให้ครบ 10 แห่ง ซึ่ง สาขากำแพงเพชร 2 พบว่า มีผู้สนใจนำรถอีวี เข้ามาใช้บริการวันละ 50-60 คัน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย