นนทบุรี 17 พ.ค.-รมช.พาณิชย์ เผยคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวได้อนุญาตให้ชาวต่างชาติลงทุนในประเทศไทยตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในเดือน เม.ย.65 เพิ่มขึ้นอีก 50 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 9,997 ล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทย 592 คน ชี้ปัจจัยตัดสินใจลงทุนในไทยเพิ่มมาจากเศรษฐกิจยังมีความเข้มแข็ง และคาดว่ายังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว รายงานให้ทราบว่า เดือนเมษายน 2565 คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยจำนวน 50 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 20 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 30 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 9,997 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 20 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฮ่องกง ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 418 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 592 คน รวมถึง มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน และลงทุนผ่านการขอหนังสือรับรองประกอบธุรกิจฯ จำนวน 9,579 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในครั้งนี้จะมีผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติงานในพื้นที่ซื้อขายสินค้าและบริการออนไลน์ องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีรายละเอียดและคุณสมบัติและการใช้งานเครื่อง Machining Center สำหรับการผลิตชิ้นงานเครื่องจักรกลไฟฟ้า และองค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการควบคุมและการใช้งานไร้สายของระบบ Optime ผ่านแอปพลิเคชันในมือถือและผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
สำหรับเดือนเมษายน 2565 ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ อันจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย อาทิ
– กิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) โดยเป็นผู้ให้บริการระบบฝากซื้อขายสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน
– บริการให้ใช้ช่วงสิทธิในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software) ด้านการธนาคาร ด้านการเงิน และด้านการประกันภัย
– บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษาเชิงเทคนิคแบบครบวงจรในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ การช่วยเหลือด้านการออกแบบ การพัฒนา และทดสอบระบบ เป็นต้น
– บริการรับจ้างผลิตเฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
ทั้งนี้ การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในเดือนเมษายน 2565 นี้ นักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่EEC จำนวน 15 ราย คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมดในเดือนนี้ โดยมีเงินลงทุนในพื้นที่ EEC กว่า2,666 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 27 ของเงินลงทุนทั้งหมด ทั้งนี้ เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 7 ราย ลงทุน 1,057 ล้านบาทสหรัฐอเมริกา 2 ราย ลงทุน 356 ล้านบาท และ สิงคโปร์ 1 ราย ลงทุน 121 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน อาทิ 1) บริการตรวจสอบและวิเคราะห์สภาพการทำงานของเครื่องจักรชนิดหมุน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Services) ด้วยระบบคลาวด์ (Cloud) และเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ (Sensor Technology) 2) บริการรับจ้างตัดเหล็กเคลือบเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระป๋องบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม และ 3) บริการรับจ้างผลิตเฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่เห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านต่างๆได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเจอการแพร่ระบาดการติดเชื้อโควิดแต่การดูแลในด้านต่างๆจนทำให้ขณะนี้ผู้ติดเชื้อโควิดเริ่มน้อยลงและมองว่าการดำเนินธุรกิจในหลายๆด้านของไทยจะกลับมาดีขึ้นได้ในเร็วๆนี้ จึงทำให้เกิดความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นในสาขาต่างๆได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย