“สมคิด” แนะ 6 แนวทางฟื้นเศรษฐกิจไทย

รร.รามา การ์เด้นส์ 15 พ.ค. – “สมคิด” เขย่า 4 เสาหลักเศรษฐกิจ ใช้บทเรียนนอกตำราฟันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ แนะ 6 แนวทางฟื้นเศรษฐกิจไทย ระวังปัจจัยเสี่ยงสงครามรัสเซีย-ยูเครน มุ่งฟื้นเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมเดินหน้าการเมืองสายกลาง ประชาชนเบื่อความขัดแย้ง


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษปิดหลักสูตรผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง LFC รุ่น 12 หัวข้อ “สัมมาชีพกับประเทศไทย หัวใจการขับเคลื่อนประเทศ” ว่า สถานการณ์ปัจจุบัน หลายสิ่งได้เปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอก ที่ผ่านมาได้หยุดบรรยายตามเวทีต่างๆ มา 2 ปีเต็ม เพื่อไม่ให้กระทบต่อรัฐบาลที่กำลังทำงานอยู่ และไม่ได้ตั้งใจแสดงวิสัยทัศน์ แต่ต้องการบอกเล่า สะท้อนแนวคิดด้วยความบริสุทธิ์ใจ ต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงขอให้ทุกฝ่ายได้ระวัง 6 ข้อห่วงใยปัจจัยเสี่ยง ประกอบด้วย

  1. โลกกำลังเผชิญความเสี่ยงและไม่แน่นอนมากขึ้น ความผันผวนหนักขึ้น ทุกปัจจัยคาดการณ์ยากมาก ทุกคนจึงต้องเตรียมตัวรับมือปัญหาโควิด-19 ที่ยังไม่ยุติสมบูรณ์ จึงยอมรับกระทบต่อเศรษฐกิจสูงมาก ทั้งการจ้างงาน ชีวิตความเป็นอยู่ ฐานะทางการคลังทุกประเทศตึงตัว ทุกประเทศจึงตัดสินใจต้องอยู่กับโควิด-19 ภายใต้การบริหารจัดการที่ดี ขณะที่จีนยืนยันสู้กับโควิดอย่างเต็มที่ โดยใช้ระเบียบวินัยเพื่อสู้กับโควิด เทียบกับประเทศอื่น ดังนั้น การบริหารจัดการป้องกันโควิด ยังมีความสำคัญมาก

อีกปัจจัย สงครามยูเครน-รัสเซีย หากไม่บรรลุเป้าประสงค์ จึงไม่จบง่ายในขณะนี้ เมื่อสงครามบวกกับโควิด-19 นับว่าสร้างผลกระทบรุนแรงมาก เมื่อราคาพลังงานสูง บวกกับปัญหาเงินเฟ้อ 2 ปัจจัย กระทบเศรษฐกิจหนักมาก และกระทบต่อสังคม การเมือง เมื่อหลายประเทศเริ่มมีปัญหา รายย่อย ผู้ยากจน หากดูแลไม่ดี จะถูกนำไปใช้เป็นปัญหาทางการเมือง เช่น บราซิล ขณะที่ศรีลังกา นายกรัฐมนตรีต้องลาออก หากสงครามรัสเซียยังไม่จบ รัฐบาลอย่าประมาท ต้องคิดล่วงหน้าหนึ่งก้าว มากกว่าประชาชนทั่วไป


  1. การบริหารการเงิน การคลัง เมื่อสถานการณ์ไม่ปกติในปัจจุบัน มีความเสี่ยงสูง ต้องเอาใจใส่ คิดล่วงหน้ามากกว่าประชาชนทั่วไป ต้องใช้ทรัพยากรทั้งหมด ใช้เงินทุกเม็ดช่วยประเทศ ให้หลุมดำที่ดูดเราอยู่ ทั้งรายย่อย ผู้เข้าไม่ถึงแหล่งทุน ธนาคารต้องไม่ใช่บรรทัดฐานปกติ เพราะขณะนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ จึงต้องคิดนอกกรอบมาใช้ดูแล นับเป็นสิ่งท้าทาย ขณะที่ภาคการคลังที่ต้องใช้จ่ายเงินมหาศาลแก้ปัญหาขณะนี้ ไม่เช่นนั้นเอาไม่อยู่ เพื่อประคองให้ผู้บริโภคอยู่ได้ การบริหารคลังในภาวะปกติ ทำไม่ได้ในช่วงนี้ ดังนั้น คลัง ธปท. สภาพัฒน์ สำนักงบประมาณ 4 หน่วยเสาหลักเศรษฐกิจ ต้องกล้าเสนอการจัดทำงบประมาณในภาวะไม่ปกติ มีทิศทางชัดเจน ต้องกล้าคิด กล้าเสนอ เพราะ 4 สถาบันยิ่งใหญ่มีศักยภาพมาก จึงต้องร่วมกันทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการ จากวันนี้เราต้องเจอภาวะเศรษฐกิจถดถอย ข้าวยากหมากแพงเริ่มเห็นชัด ไม่ขอโทษรัฐบาล ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา ยอมรับว่า ทั่วโลกเริ่มดึงการผลิตกลับประเทศ ต้นทุนสูง วัตถุดิบ เช่น อินเดียไม่ให้ส่งออกวัตถุดิบหลัก อินโดนีเซียไม่ให้ส่งออกน้ำมันปาล์ม ประเทศที่รอดได้ จึงต้องอยู่ด้วยตนเอง อย่างเช่นไทยมีศักยภาพอย่างมากในการผลิต ขณะที่แหล่งพลังงานสำคัญ หากพลังงานสูงต่อเนื่อง แต่คนเดือดร้อนคือคนจน ต้องเตรียมทรัพยากรรองรับ ไม่เช่นนั้นชาวบ้านจะโกรธแค้น ไม่พอใจ ทุกคนจึงต้องเตรียมตัวรองรับสถานการณ์แย่ลง ต้องบริหารจัดการที่ไม่ปกติ ต้องเข้มข้นดูแลเ
    อาใจใส่ ไม่รอฟังข้าราชการ ถูกคุมเข้มด้วยกฎระเบียบ ต้องเผชิญที่จะเกิดในอนาคต
  2. ภายในประเทศกำลังเปราะบาง ต้องปรับโหมดการขับเคลื่อน พัฒนา ขจัดอุปสรรคที่เปลี่ยนแปลงยาก สิ่งแรกต้องทำ คือ กระจายอำนาจ กระจายการคลัง กระจายงบประมาณ ไม่กระจุกตัวเพียงส่วนกลาง การกระจายอำนาจการบริหารการคลัง มีกฎเกณฑ์เป็นข้ออ้างที่ล้าสมัยต้องแก้ไข ข้อ 2 โฟกัสกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ต้องบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว เชื่อมโยงเกิดกิจกรรมเศรษฐกิจภายใน ทั้งการผลิต พัฒนาชุมชนภายใน ไม่ใช่เพียงเมืองใหญ่ เพื่อให้รายได้เกิดขึ้น ต้องนำชุมชนเป็นตัวตั้ง กระทรวงมหาดไทยต้องเปลี่ยนทัศนคติ หันลงลึกถึงพัฒนาหมู่บ้าน ไม่ใช่เน้นการปกครอง เพื่อร่วมฟื้นเศรษฐกิจในประเทศ
  3. ศักยภาพการแข่งขันของไทยมีสูงมาก ไทยเคยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ แต่ขณะนี้กระแสรถไฟฟ้ากำลังมาแรง แต่การผลิตรถไฟฟ้าของไทยยังต้องปรับตัว ขณะที่อินโดนีเซียปรับตัวได้เร็วมาก ภายใน 5 ปี จึงต้องเน้นใช้เขตอีอีซี เร่งพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาบุคลากร ที่สำคัญต้องกำหนดประเทศให้มีนัยสำคัญการเมืองเวทีโลก อย่างเช่น ลี กวน ยู กล่าวย้ำว่า ประเทศไม่ใช่ว่าเล็กหรือใหญ่ อยู่ที่การกำหนดนโยบายตนเองให้มีบทบาทในเวทีโลก จึงให้เห็นว่า สิงคโปร์คือศูนย์กลางของเอเชีย จุดยืนทางการเมือง ข้อเสนอใหม่ๆ ในภูมิภาค ไทยเบาบางลง ไทยจึงหลุดจากจอเรดาร์ในการเมืองโลก ไทยจึงต้องกลับมาทบทวนบทบาทกันใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจต่อเวทีโลก
  4. สภาพปัญหา ความขัดแย้ง ความแตกแยกทางความคิด ร่วมกันลดปัญหา จงใจให้ข้อมูลบิดเบือน บั่นทอนสังคม แม้กระทั่งช่องว่างระหว่างวัย คนประสบการณ์สูงวัย และคนรุ่นใหม่ จึงต้องรับฟัง ไม่ใช่การแบ่งแยก แบ่งวัย จากภาวะปัญหาเศรษฐกิจ จะนำมาสู่การแตกแยกสังคม สิ่งสำคัญคือ ความเชื่อมั่นของประเทศ ความเชื่อถือ และความเชื่อใจ หากขาดสิ่งเหล่านี้ไป จะถูกมองว่าเชื่อใจหรือเปล่า ​จึงต้องเร่งสร้างให้กลับคืนมา ไม่เช่นนั้นสังคมจะแตกแยก
  5. การทำการเมือง ขณะนี้คนเบื่อความขัดแย้ง จึงต้องการหาทางออก สภาวะผู้นำการเมือง ในยามไม่ปกติ ความชัดเจนในภาพปัญหา ทิศทางแก้ไขต้องชัดเจน ต้องนำมาสื่อออกไปให้คนทั้งประเทศเข้าใจ เพื่อปฏิรูปประเทศ การเปลี่ยนแปลงให้ประเทศดีขึ้น ไม่ใช่ผู้นำเพียงคนเดียว แต่รวมทั้งทุกคน ทุกฝ่าย ทั้งสภา และทุกองค์กร ไม่ใช่เพื่อต่อรองจัดสรรประโยชน์ ปัจจัยสำคัญสุด เมื่อภาคประชาชนเข้มแข็ง ประเทศนั้นจะเข้มแข็งมาก. – สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พล.อ.ณัฐพล แจ้งกัมพูชา เร่งมาเก็บศพทหาร หวั่นเกิดโรคระบาด

ทำเนียบ 4 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล ยืนยันดูแลทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวอย่างดี พร้อมเปิดให้องค์การระหว่างประเทศร่วมตรวจสอบ ขอให้ประชาชนมั่นใจการประชุม GBC เชื่อจะทำอย่างรอบคอบ ยึดผลประโยชน์ประเทศ พร้อมแจ้ง รมต.กลาโหมกัมพูชา เร่งมาเก็บศพทหารกัมพูชา หวั่นทิ้งไว้นานอาจเกิดโรคระบาด พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ว่า ในการประชุม GBC ที่เริ่มขึ้นในวันนี้  เราได้มีการเตรียมแนวทางที่จะไปประชุมตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ได้เสนอให้ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณา เพื่อให้เห็นชอบ จากนั้น ก็ได้มาเตรียมการในเช้าวันเสาร์ ประกอบกับในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางมาเลเซียได้ติดต่อขอประชุม 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบไปด้วย รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย ไทย และกัมพูชา แต่ในการประชุม 3 ฝ่าย ไม่ได้มีการลงประเด็น โดยไทยตอบเพียงในเรื่องหลักการ และในวันอาทิตย์ก็ได้คุยกับเหล่าทัพว่า ยืนยันและรับได้หรือไม่ รับได้ไหม พอใจไหม สบายใจไหม เหล่าทัพก็สบายใจ และกองเลขาฯ ก็ไปประชุม GBC ซึ่งจะใช้เวลาประชุมในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม และในวันที่ 6 […]

เตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” และคนขับกระบะเข้าให้การ

กทม. 4 ส.ค.-ตำรวจเตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” มาให้การอย่างละเอียด รวมถึงคนขับกระบะ ด้านผู้ก่อเหตุ สอบปากคำเรียบร้อยแล้ว พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่าคดี “เป๊ก ผลิตโชค” ถูกฟันบริเวณคาง ภายในปั๊มน้ำมัน คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ขณะนี้รวบรวมพยานหลักฐานได้มากพอสมควรแล้ว ยังเหลือเรื่องของคำให้การของพยาน โดยหลังจากนี้จะเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” ในฐานะผู้ถูกกระทำมาให้การอย่างละเอียด รวมถึงจะเชิญคนขับรถกระบะที่ “เป๊ก” ปีนขึ้นไป ตอนนี้พนักงานสอบสวนพยายามติดต่ออยู่ และพยานต่างๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต้องเรียกมาให้การเพิ่มเติมด้วย ส่วนนายชุติเทพ ที่เป็นผู้ก่อเหตุได้ทำการสอบปากคำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องการตรวจร่างกายของ “เป๊ก” นั้น ก็เป็นในส่วนของแพทย์.-419.-สำนักข่าวไทย

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปกติ

ทำเนียบ 4 ส.ค.-สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปกติ หน่วยงานความมั่นคงยังเฝ้าระวัง วางแนวกำลังปฏิบัติการตามแผน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยรายงานสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ภาพรวมเหตุการณ์ทั่วไปถึงเช้าวันนี้ ยังคงเป็นปกติ ไม่มีรายงานเหตุการณ์รุนแรงในทุกพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ทั้งนี้ หน่วยงานความมั่นคงยังคง เฝ้าระวัง โดยยังวางกำลังตามแนวปฏิบัติการตามแผน เพื่อรักษาอธิปไตยไทยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน.-314.-สำนักข่าวไทย

ปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้า

4 ส.ค. – สมาคมดาราศาสตร์ไทยแจงปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้าหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 00.00 น. (วันที่ 4 ส.ค.) สมาคมดาราศาสตร์ไทยได้แจ้งว่า เกิดลูกไฟขนาดใหญ่พร้อมกับเสียงระเบิดดังขึ้นปรากฏบนท้องฟ้าเหนือหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา จากตรวจสอบน่าจะเป็น ดาวตกชนิดลูกไฟ (meteoroid) โดยลักษณะที่ปรากฏเป็นแสงสีเขียว อาจบ่งบอกถึงองค์ประกอบของธาตุนิกเกิล โดยทั่วไปแล้ว ดาวตก (Meteor) เกิดขึ้นเมื่อวัตถุท้องฟ้าขนาดเล็กเคลื่อนที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกและเสียดสีกับอากาศที่ระดับความสูงประมาณ 80-120 กิโลเมตร ทำให้เกิดแสงสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้า ยิ่งวัตถุมีขนาดใหญ่เท่าใด ปริมาณความร้อนและแสงสว่างที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งมากตามไปด้วย จากภาพและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกมา ดาวตกในครั้งนี้มีขนาดใหญ่และมีความสว่างมากเป็นพิเศษ ความสว่างของมันใกล้เคียงกับดาวศุกร์ ทำให้ถูกจัดเป็นดาวตกชนิด #ลูกไฟ (Fireball) อย่างชัดเจน ส่วนการปรากฏของแสงสีเขียว สามารถตีความได้ว่าดาวตกนี้มีส่วนประกอบของธาตุโลหะอย่างนิกเกิล.-สำนักข่าวไทย