กรุงเทพฯ 12 พ.ค.-ค่าการกลั่นไตรมาส1/65พุ่งตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกส่งผลโรงกลั่นTOP- SPRCกำไรโต
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆนี้ บริษัทได้มอบโล่รางวัลทำงานผ่าน 30 ล้านชั่วโมงคนโดยปราศจากอุบัติเหตุที่ทำให้สูญเสียเวลาทำงานให้กับผู้รับเหมาโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project: CFP) ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนากระบวนการจัดการด้านความปลอดภัย และรณรงค์ป้องกันอันตรายจากการปฏิบัติงานระหว่างงานก่อสร้าง
สถิติความปลอดภัยนับเป็นความสำเร็จจากความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของทุกฝ่าย ภายใต้การทำงานตามแนวนโยบายของไทยออยล์ รวมถึงมาตรการต่างๆ ทั้งด้านการบริหารจัดการ ด้านความปลอดภัย การดูแลเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบโรงกลั่น
สำหรับ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2565 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสตอกน้ำมัน(Accounting GIM) อยู่ที่ 23.6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และด้วยปริมาณวัดถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มไทยออยล์อยู่ที่ 303 พันบาร์เรลต่อวัน มีรายได้จากการขายและ EBITDA จำนวน 114.506 ล้านบาท และ 13,034 ล้านบาท ตามลำดับ เมื่อหักค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ต้นทุนทางการเงิน ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ และการกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ ทำให้ไตรมาส 1 ปี 2565 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 7,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น113.77% จากช่วงเดียวกันปีก่อน คิดเป็นกำไรสุทธิ3.52 บาทต่อหุ้น โดยกลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 114,506 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น55.89 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรจากสตอกน้ำมัน 14,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,763 ล้านบาทเป็นผล จากระดับราคาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวรวมถึง ความกังวลต่อสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน
นายโรเบิร์ต โจเซฟ โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (“SPRC”) เปิดเผยผลดำเนินงานและผลประกอบการทางด้านการเงินไตรมาสที่ 1/2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 159 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5,284 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ที่ 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,855 ล้านบาท) โดยมีปัจจัยหลักคือค่าการกลั่นตลาดที่เพิ่มขึ้นและกำไรจากสตอกน้ำมันที่ 12.15 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยถูกหักกลบกับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายและประมาณการหนี้สินที่เกี่ยวข้องกับเหตุน้ำมันรั่วจำนวน 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับค่าการกลั่นตลาดในไตรมาสที่ 1/2565 อยู่ที่ 8.46 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงกว่าไตรมาสที่ 4/2564 ที่ 5.97 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อันเนื่องมาจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปต่อน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าต้นทุนราคาน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นรวมถึงค่าขนส่งส่วนเพิ่มจากการใช้เรือลำเล็กในการขนถ่ายน้ำมันดิบในช่วงที่ทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเลของบริษัทฯ หยุดการดำเนินงาน โดยในช่วงเวลาที่ค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูงนั้น บริษัทฯ มุ่งเน้นที่จะผลิตน้ำมันดีเซลในปริมาณที่สูง รวมถึงปรับสัดส่วนการผลิตน้ำมันเบนซินและน้ำมันอากาศยานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อความต้องการใช้ในประเทศและการสร้างผลกำไรสูงสุด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสการลงทุนในอนาคตที่หลากหลาย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นผ่านโครงการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ในปี 2568 และเตรียมพร้อมการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ .-สำนักข่าวไทย