กรุงเทพฯ 11 พ.ค.- บจ.ทยอยแจ้งผลดำเนินการไตรมาส1/65 ได้ผลบวก-ผลลบจากต้นทุนพลังงานพุ่ง IRPC มีกำไร1,501 ล้านบาท, OR กำไรสุทธิ 3,845 ล้านบาท,บีซีพีจี มีกำไรเพิ่มจากการเพิ่มปริมาณผลิตไฟฟ้า-รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน ด้านบ้านปูได้ผลบวกจากราคาถ่านหินพุ่ง
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือIRPC เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ 76,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 กำไรสุทธิ 1,501 ล้านบาท ลดลง 73% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 32% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รายได้เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากราคาขายเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรขั้นต้น จากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 4,105 ล้านบาท หรือ 7.08 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ,กำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) 9,891 ล้านบาท หรือ 17.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จำนวน 6,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 113
ไออาร์พีซีประเมินแนวโน้มภาวะไตรมาส 2 ปี 2565 คาดว่าปริมาณการใช้น้ำมัน-ปิโตรเคมีของโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นจาก โดยผู้ผลิตปิโตรเคมีสินค้าปลายทางเริ่มกลับมาสั่งซื้อเม็ดพลาสติกมากขึ้น ทั้งจากภาวะโคววิด-19 คลี่คลายและตลาดคาดว่าราคาวัตถุดิบ จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ รัสเซีย- ยูเครน
นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) หรือ OR เปิดเผยการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2565 OR มีรายได้ 177,291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยหลักจากราคาน้ำมันในตลาดโลกโดยเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น มีกำไรสุทธิ 3,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น1,491 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 63.3%
นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,159 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2564 และไตรมาสที่ 4/2564 ร้อยละ 160.4 และ ร้อยละ 473.4 ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่เกิดจากกำไรจากการขายหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนิเซีย ขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 516.7 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสที่ 1/2564 ร้อยละ 5.7 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “Nam San 3A” และ “Nam San 3B” เพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำฝนที่ตกมากขึ้นจากพายุฤดูร้อนในระหว่างไตรมาส รวมถึงการรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชิบะ ในประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) กำลังการผลิตตามสัญญา 20 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)(BANPU) เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2565 ว่า บริษัทมีรายได้ม 1,256 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 41,509 ล้านบาท) มีกำไรสุทธิ 311 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 510% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเป็นผลมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาตลาดถ่านหินและก๊าซธรรมชาติส่งผลดีต่อภาพรวมกลุ่มบริษัทและในไตรมาสนี้ได้รวมผลประกอบการของโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ที่ได้ทำการลงทุนในระหว่างปี2564 ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple 1 ในประเทศสหรัฐ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตยในออสเตรเลียโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในประเทศเวียดนาม และโรงไฟฟ้า Nakosoประเทศญี่ปุ่น รวมถึง รับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนใน Sunseap Group จำนวน179 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับการเดินหน้าในการสร้างการเติบโตในธุรกิจหลักต่อเนื่อง แช่น ธุรกิจเหมือง ยังคงรักษากำลังการผลิตและปริมาณสำรองที่ดี เพื่อรองรับแนวโน้มความต้องการในตลาดและคว้าโอกาสที่จะสามารถสร้างมูลค่าให้ธุรกิจ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คว้าโอกาสจากสถานการณ์ราคาก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้น และมองหาโอกาสต่อยอดการลงทุน ,เน้นการสร้างอัตราการเติบโตให้พอร์ตเทคโนโลยีพลังงานที่มีอยู่ และพัฒนาโซลูชั่นหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน.-สำนักข่าวไทย