ผู้ประกอบการระบบขนส่งสาธารณะร้องรัฐขอปรับราคาด่วน

กรุงเทพฯ 8 พ.ค. – ผู้ประกอบการเรือด่วนคลองแสบแสน ขอปรับค่าโดยสารเพิ่มอีก 1 บาท ส่วนรถร่วมบริการของ บขส. ยืนยันว่าสถานการณ์หนักจนขณะนี้ผู้ประกอบการ 1 ใน 4 หรือกว่า 10,000 คัน ต้องหยุดวิ่งรถแล้ว


นายเชาวลิต เมธยะประภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ครอบครัวขนส่ง (2002) หรือลุงถั่ว ผู้ให้บริการเดินเรือคลองแสนแสบ บอกว่า ขณะนี้ ต้นทุนที่สำคัญคือราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญถึง 55% ของการเดินเรือโดยสาร ปรับราคาขึ้นมา ไม่รวมต้นทุนอื่นๆ ล่าสุดผู้ประกอบการได้แจ้งปัญหาเรื่องต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นกับกรมเจ้าท่าไปแล้ว ยืนยันว่าผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับราคาอีกอย่างน้อยระยะละ 1 บาท โดยกรมเจ้าท่ายืนยันว่าได้นำเรื่องการขอปรับราคารายงานให้กระทรวงคมนาคมทราบแล้ว

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการอยากแจ้งให้รัฐบาลทราบว่าราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็เป็นปัจจัยชั่วคราว ราคาน้ำมันที่ผ่านมาขึ้นได้ก็ปรับลดราคาได้ เช่นเดียวกับค่าโดยสารมีขึ้นและลง การปรับราคาภาครัฐต้องตัดสินใจให้เป็นราคาที่ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการสามารถอยู่ได้ แต่ขณะนี้ยอมรับว่าหนักใจ เพราะภาครัฐ ไม่มีแนวทางในการจัดการปัญหาที่ชัดเจนเลย


ก่อนหน้านี้บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ได้ยื่นปรับปรับขึ้นค่าโดยสารเรือด่วน 1 บาท/คน/เที่ยว หรือปรับจากราคา 15-20 บาท/คน/เที่ยว เป็น 16-26 บาท/คน/เที่ยว โดยเรือธงส้ม ตลอดสายจะปรับจาก 15 บาท เป็น 16 บาท/คน/เที่ยว, เรือธงเหลือง ปรับจาก 20 บาท เป็น 21 บาท/คน/เที่ยว และเรือธงเขียว ปรับระยะละ 1 บาท คือ ปรับจาก 11 บาท, 20 บาท และ 32 บาท เป็น 12 บาท, 21 บาท และ 33 บาท อยู่ระหว่างรออนุมัติเวลาที่ชัดเจน

ด้านนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่กำกับดูแลกรมเจ้าท่า ยอมรับว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการเรือโดยสารทุกชนิด ทั้งเรือด่วนเจ้าพระยา คลองแสนแสบ เรือข้ามฝาก ได้ขอปรับราคาค่าโดยสารมาหลายครั้ง จากต้นทุนราคารน้ำมันที่สูงขึ้น แต่กระทรวงคมนาคมได้ขอให้มีการตรึงราคาไปก่อน ซึ่งผู้ประกอบการก็ให้ความร่วมมือดีทุกครั้ง แต่ล่าสุดสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับสูงไม่หยุด กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการพิจารณา ยืนยันว่าต้องดูแลให้อยู่ได้ทั้งประชาชนผู้ใช้บริการและผู้ประกอบการ

รถร่วมบริการ บขส. นัดถกปรับค่าโดยสาร กับขนส่ง 12 พ.ค.นี้
นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย บอกว่า ในวันที่ 12 พ.ค.นี้ ผู้ประกอบการรถโดยสารจะมีการประชุมร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ของคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ที่มีอำนาจปรับราคาค่าโดยสารตามกฎหมาย ขณะนี้จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูง อยากให้พิจารณาข้อมูลซึ่งเป็นข้อเท็จจริง เช่น การนำตารางคำนวณค่าโดยสารมาเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2549 ขณะนั้นอัตราค่าโดยสารตามขั้นบันไดอยู่ที่ 54 สตางค์ต่อกิโลเมตร แต่ปัจจุบั ราคาค่าโดยสารยังอยู่ที่ 53 สตางค์ต่อกิโลเมตร ลดลงด้วยซ้ำ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ประกอบการรถโดยสารจึงอยู่ไม่ได้ ปัจจุบันสมาชิกของสมาคมฯ มีประมาณ 40,000 คันทั่วประเทศ แต่หากสถานการณ์ต้นทุนพลังงานเป็นเช่นนี้จะมีผู้ประกอบการเจ๊ง ต้องจอดรถกว่า 10,000 คัน หรือ 1 ใน 4 เพราะหากรถอยู่ในระบบก็จะมีต้นทุนมากมาย รวมทั้งค่าประกันภัย
แม้ว่ารถจะจอดรอวิ่งก็ต้องจ่าย


ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับค่าโดยสาร ผู้ประกอบการไม่อยากไปกำหนดว่าต้องปรับขึ้นราคาเท่าไร แต่ขอให้รัฐบาลเห็นใจช่วยเหลือ โดยเฉพาะหากผู้ประกอบการวิ่งรถไม่ได้ จากต้นทุนนี้ ผู้ประกอบการคงไม่ยอมให้ภาครัฐปรับเงินค่าขา หรือค่าเที่ยววิ่งขั้นต่ำตามสัญญาอีก

มาตรการช่วยค่าน้ำมันวินมอเตอร์ไซค์มีผลแล้ววันนี้
ส่วนมาตรการช่วยค่าน้ำมันวินมอเตอร์ไซค์ 250 บาทต่อเดือน นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า มาตรการที่เริ่มใช้สิทธิวันนี้คือ “โครงการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน สำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ” เป็นการให้ส่วนลดราคาน้ำมันแก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่มีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะจากกรมการขนส่งทางบก จำนวน 106,655 ราย โดยได้รับสิทธิช่วยเหลือค่าน้ำมันไม่เกิน 50 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 250 บาทต่อคนต่อเดือน รวม 3 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ค. 2565 เพื่อจะได้ไม่ปรับขึ้นค่าโดยสารกระทบประชาชน

โดยผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เข้าเกณฑ์สามารถกดยืนยันสิทธิที่แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แบนเนอร์ “สิทธิวินเซฟ” และสถานีบริการน้ำมันที่เข้าร่วมโครงการสามารถกดยืนยันสิทธิที่แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” และเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันนี้ ณ สถานีบริการน้ำมันที่เข้าร่วมโครงการ กว่า 1,000 แห่ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เสียใจ “เจจูแอร์” ไถลออกรันเวย์ สั่งตรวจสอบช่วยเหลือหากมีคนไทย

นายกฯ แสดงความเสียใจเหตุเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์ ไถลออกรันเวย์ไฟลุกท่วม พร้อมสั่งตรวจสอบช่วยเหลือหากมีคนไทย

28 dead as jet carrying 181 people crashes while landing in S. Korea's Muan

เครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปเกาหลีใต้ชนหลังออกนอกรันเวย์

โซล 29 ธ.ค.- เครื่องบินของสายการบินเชจูแอร์ (Jeju Air) ที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเกาหลีใต้ ลื่นไถลออกนอกทางวิ่งหรือรันเวย์ และชนกับรั้วกั้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 28 คน เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้ รายงานว่า ตำรวจและนักดับเพลิงในเกาหลีใต้แจ้งว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 09.07 น. วันนี้ตามเวลาเกาหลีใต้ ตรงกับเวลา 07.07 น. วันนี้ตามเวลาไทย เมื่อเครื่องบินของเชจูแอร์ เที่ยวบิน 7ซี2216 (7C2216) นำผู้โดยสาร 175 คน ลูกเรือ 6 คน เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติมูอัน ห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 288 กิโลเมตร เครื่องบินลื่นไถลออกนอกรันเวย์และชนกับรั้วกั้น เป็นเหตุให้เครื่องบินได้รับความเสียหายอย่างหนักและเกิดไฟไหม้ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 28 คน ทั้งหมดนั่งอยู่ที่ส่วนท้ายของเครื่องบิน คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางกลับจากไทย มีเพียง 2 คนที่เป็นชาวไทย เจ้าหน้าที่สามารถดับไฟที่ไหม้ครื่องบินได้แล้ว และกำลังปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย รวมทั้งเริ่มการสืบสวนสอบสวน ณ […]

อุณหภูมิลดอีก 1-3 องศาฯ “อีสาน-เหนือ” อากาศเย็นถึงหนาว

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบน อุณหภูมิลดลงอีก 1-3 องศาฯ กับมีลมแรง อีสานและเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อากาศเย็น ภาคใต้ฝนเพิ่ม ตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

เกาะติดทุกโหมดการเดินทางเทศกาลปีใหม่ 2568

เกาะติดทุกโหมดการเดินทางขาออกเทศกาลปีใหม่ 2568 ถนนทุกสาย และระบบขนส่งสาธารณะทุกโหมด มีประชาชนทะลักเดินทางตั้งแต่เย็นวานนี้ (27 ธ.ค.) ภาพรวมเป็นอย่างไร พูดคุยกับนายวิทยา ยาม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม.