กรุงเทพฯ 3 พ.ค.-สุริยะ เผยผลประเมินการดำเนินงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีปี 2564 มีผลคะแนนสูงขึ้นต่อเนื่องหลังดำเนินมาตรการด้านสินเชื่อ และพัฒนาผู้ประกอบการให้มีผลิตภาพเพิ่มขึ้นเป็นไปตามเป้าหมาย ตั้งเป้าพัฒนาต่อยอดธุรกิจกลุ่ม BCG และอุตสาหกรรม S-Curve ในประเทศเพิ่มขึ้น พร้อมปรับปรุงระบบดิจิทัลรองรับการให้บริการกลุ่มเป้าหมาย และใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็วเต็มประสิทธิภาพ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงรายงานผลประเมินการดำเนินงาน ประจำปีบัญชี 2564 ของสำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ จากกรมบัญชีกลาง และ บริษัท ทริสคอร์ปอเรชั่น จำกัด ว่า ปีนี้กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กระทรวงอุตสาหกรรม มีผลคะแนนเท่ากับ 4.098 คะแนน ซึ่งสูงขึ้นจากปีบัญชีก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถดำเนินมาตรการด้านสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย ควบคู่กับการพัฒนาผู้ประกอบการให้มีผลิตภาพเพิ่มขึ้น และที่สำคัญ คือ การปรับปรุงระบบดิจิทัลเพื่อรองรับการให้บริการกลุ่มเป้าหมาย และใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจของผู้บริหารเพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
“ผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานครั้งนี้ เกิดจากการบริหารนโยบายของคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ที่ประกอบด้วย ผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุน ตลอดจนคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ ที่ร่วมกำหนดนโยบายและผลักดันการดำเนินงานจนทำให้ผลการประเมินกองทุนฯ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการดำเนินงานที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กองทุน ฯ ได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ทั้งในด้านสินเชื่อเพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ SMEs จำนวนกว่า 13,000 กิจการ รวมวงเงินกว่า 19,000 ล้านบาท และพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SMEs ควบคู่ไปด้วยกว่า 5,000 กิจการ ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 80,000 ล้านบาท” นายสุริยะ กล่าว
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ (กอป.) กล่าวว่า กระทรวงฯ ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนและพัฒนา SMEs เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และเร่งผลักดันให้เกิดธุรกิจในกลุ่ม BCG และอุตสาหกรรมS-Curve ภายในประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงบูรณาการกับหน่วยงานพันธมิตรจัดหาช่องทางการตลาดสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้ ขณะเดียวกันได้มอบหมายนายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนฯ เร่งยกระดับการให้บริการด้วย e-Service ควบคู่กับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ เพื่อประกอบในการตัดสินใจของผู้บริหารกองทุนฯ ซึ่งจะสามารถกำหนดนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ .-สำนักข่าวไทย